20 ตุลาคม 2564 - นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในปี 2564 ว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด – 19 ในประเทศ ตั้งแต่ปลายปี 2562 ส่งผลให้ตัวเลขผลประกอบการลดลงจนถึงปัจจุบัน
ขณะในแง่จำนวนซัพพลายคอนโดฯ เปิดขายใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีทิศทางการชะลอตัวจากเมื่อเทียบกับช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจะมีการเปิดตัวหน่วยใหม่เฉลี่ยปีละ 60,000 - 70,000 ยูนิต แต่ปี 2563 พบจำนวนซัพพลายใหม่ที่เกิดขึ้นมีไม่ถึง 30,000 ยูนิต ส่วนปี 2564 ลดลงอีก 19 % เมื่อเทียบกับปี 2563 ทั้งนี้ เนื่องจากสภาวะตลาดอสังหาฯ ยังคงมีความไม่แน่นอน โควิดกระทบตั้งแต่ระดับกำลังซื้อ และธนาคารปล่อยสินเชื่อ ให้กับดีเวลเปอร์น้อยลง เกิดภาพยอดขายคอนโดฯ หดตัวรุนแรง
ลุ้นไตรมาส 4 คอนโดฯเปิดใหม่ฟื้นตลาด
อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด – 19 ในประเทศไทยจำนวนลดลง และรัฐบาลมีการควบคุมผ่านมาตรการต่าง ๆ ทำให้ลูกค้าเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่นในการซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น ขณะเดียวกัน พบว่า บริษัทอสังหาฯต่างๆ เตรียมเปิดตัวโครงการคอนโดฯใหม่เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้ภาพรวม จำนวนซัพพลายอยู่ในจำนวนใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ส่วนในแง่ยอดการซื้อ - ขาย ที่เคยตกอยู่ในภาวะ "จุดต่ำสุด" หากพิจารณารายละเอียด สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน คือ ยอดขายที่เกิดขึ้นจากโครงการเปิดใหม่ ซึ่งกระจุกตัวมากสุด กับอีกส่วน คือ ยอดขายในโครงการก่อนหน้าที่อยู่ระหว่างการเปิดขายทั้งหมด ในช่วงวิกฤติ ปี 2563 พบส่วนหลังมีอัตราการขายที่เทียบใกล้เคียงกับสถานการณ์ปกติ สะท้อนโควิด ไม่ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ ยอดขายที่เกิดจากโครงการใหม่หดตัวลงมา ทั้งนี้ ก็มาจาก ไม่มีซัพพลายใหม่เกิดขึ้น อาจแปลได้ว่า ความต้องการซื้อ หรือ ดีมานด์ ของผู้บริโภคยังมีอยู่ จุดบอดเดียว คือ จำนวนซัพพลายที่หายไป ทำให้ภาพรวมตลาดเกิดภาพหดตัวนั่นเอง
" เจาะเฉพาะครึ่งปีแรก 2564 จำนวนโครงการเปิดตัวใหม่ และยอดขายมีทิศทางดีกว่าปี 2563 แสดงว่า หากมีการเปิดตัวใหม่เพิ่ม เชื่อว่า ตลาดจะค่อยๆฟื้น แม้จะไม่เทียบเท่าเหมือน ปี 2562 แต่จะพลิกกลับแน่นอน หลังจากผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว พบปลายเดือน ส.ค. ต่อเนื่อง ก.ย. ยอดวอลอินกลับมา - กำลังซื้อดูดี เชื่อ การเปิดโครงการใหม่ จะช่วยดึงดีมานด์ความต้องการออกมาได้ "
ทั้งนี้ ในไตรมาส 4 บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวโครงการคอนโดฯ ใหม่ 4 โครงการ มูลค่ารวม 5,740 ล้านบาท คิดเป็น 17 % ของมูลค่าโครงการเปิดใหม่ทั้งหมด โดยเตรียมเปิดโครงการคอนโดฯ ใหม่ในกรุงเทพ ฯ จำนวน 3 โครงการ มูลค่า 5,490 ล้านบาท และโครงการคอนโดฯ ใหม่ในต่างจังหวัด จำนวน 1 โครงการ มูลค่า 250 ล้านบาท ขณะ ยอดขายคอนโดฯ ของศุภาลัยในปัจจุบันอยู่ที่ 3,810 ล้านบาท
ปลุกย่านเก่า ประเดิมโครงการแรก " ศุภาลัย พรีเมียร์ สามเสน-ราชวัตร"
สำหรับความท้าทาย ลุยเปิดโครงการคอนโดฯแรกของปี คือ โครงการ " ศุภาลัย พรีเมียร์ สามเสน-ราชวัตร" มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท จำนวน 248 ยูนิต ตั้งแต่ 1-3 ห้องนอน ขนาด 38 -123.50 ตร.ม. ซึ่งเปรียบเป็น Limited Locationทำเลที่ดินศักยภาพใจกลางเมือง ถนนนครไชยศรี หรือ ย่านสามเสน - ราชวัตร ซึ่งเป็นทำเลที่ใกล้แหล่งศูนย์รวมหน่วยงานราชการต่างๆ โรงเรียน มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล และเป็นย่านที่อุดมสมบูรณ์ด้วยร้านค้า ร้านอาหารอีกมากมาย เดินทางสะดวกใกล้ทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอกฯ พร้อมเชื่อมต่อทุกการเดินทางได้ทั้งรถยนต์ส่วนตัวหรือระบบขนส่งสาธารณะ
" ย่านสามเสน - ราชวัตร นอกจาก เป็นทำเลเก่า ที่มีครอบครัวเก่ากระจุกตัว และลูก-หลาน อยู่ในวัยเริ่มมองหาที่อยู่ใหม่ๆ พื้นที่ยังเกิดการเปลี่ยนแปลง พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง แม้ไม่ได้ติดแนวรถไฟฟ้า "
เจาะดีมานด์บุคลากรการแพทย์
นายไตรเตชะ ระบุต่อว่า นอกจากกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนในพื้นที่ย่านสามเสน-ราชวัตร และกลุ่มคนทำงานหน่วยงานราชการ กำลังมองหาที่อยู่อาศัยในทำเล ที่เดินทางสะดวกสบาย ราคาคุ้มค่าแล้ว อีกปัจจัยดึงดูดที่น่าสนใจของทำเล คือ การกระจุกตัวของโรงพยาบาลราว 8 แห่ง ในรัศมี 2.5 กิโลเมตร เช่น วิชรพยาบาล, รามาฯ , วิชัยยุทธ พญาไท 2 ,พระมงกุฎ และ ราชวิถี เป็นต้น ขณะ 4- 5 ปีที่ผ่านมา ซัพพลายใหม่เกิดขึ้นน้อยมากเจาะตอนเหนือ มีเพียง 1 โครงการ ราคาขาย 2 แสนบาทต่อตร.ม ด้านตะวันออก 6 โครงการ ราคา 16,7000 ตร.ม และโซนใต้ 3 โครงการ ราคาขาย 96,000 บาท ต่อ ตร.ม. จึงเป็นโอกาสในการเจาะกำลังซื้อด้วยราคาขายเฉลี่ย 101,000 บาทต่อตร.ม.
เจาะข้อมูลโครงการ "ศุภาลัย พรีเมียร์ สามเสน-ราชวัตร" ที่จอดรถ 100%
ด้านนายชัยจักร วทัญญู ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายสร้างสรรค์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การออกแบบของโครงการคอนโดมิเนียม High Rise สูง 17 ชั้น เนื่องด้วยที่ตั้งโครงการอยู่ในย่านทำเลร่วมสมัย ที่แวดล้อมด้วยสถานที่สำคัญและสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่า จึงได้ใช้แนวคิดสถาปัตยกรรมสไตล์ Modern Neoclassic ด้วยเส้นสายลวดลายประจำยามราชวัตรมาใช้ในการออกแบบเพิ่มความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของโครงการนี้ แสดงให้เห็นถึงศิลปะไทยชั้นสูง ลดทอนลวดลายในลักษณะร่วมสมัยสอดคล้องกับบริบทมากขึ้น ตัวอาคารรูปตัว L ตามรูปร่างที่ดิน ที่มีโทนสีแนวสุภาพอย่างเคารพสถานที่ มีความกลมกลืนกับบริบทแวดล้อมโดยรอบ
นอกจากนี้ โครงการยังมีระบบที่จอดรถแบบ Auto Parking เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า ทำให้โครงการนี้มีที่จอดรถครบ 100 % ของจำนวนยูนิตเลยทีเดียว อีกทั้งด้วยจำนวนยูนิตเพียง 248 ยูนิต ให้ผู้พักอาศัยรู้สึกถึงความเป็นส่วนตัวได้มากขึ้น โดยมีแบบห้องที่หลากหลาย ตั้งแต่ 1-3 ห้องนอน ขนาด 38 -123.50 ตร.ม.