11 ม.ค.2565 - นับเป็นการประเดิมศักราชใหม่ของแวดวง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 2565 อย่างน่าสนใจ สำหรับ การประกาศแผนธุรกิจของ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ซึ่งระบุว่า ปี 2565 แสนสิริ จะก้าวแกร่งด้วย “STEP BEYOND” เติบโตยั่งยืนทุกมิติ
ด้วยแผนเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่ารวม 150,000 ล้านบาท ในระยะ 3 ปี (2565-2567) พร้อมเป้าหมายยอดขายรวม 120,000 ล้านบาท นำร่องปี 2565 นี้ เปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้น 46 โครงการ มูลค่ารวม 50,000 ล้านบาท
สรุปผลงานแสนสิริ ปี 2564
นายเศรษฐา ระบุ ในงานแถลงข่าวครั้งแรกของแสนสิริ วันนี้ ว่า ปี 2564 ที่ผ่านมา นับเป็นอีกปี ท่ามกลางสถานการณ์ความท้าทาย ที่บริษัท ผ่านมาได้อย่างแข็งแกร่งจากความเชื่อมั่นใน “ความหวัง” หรือ “Year of Hope” ภายใต้ความหนักหน่วง สาหัส ของประเทศไทย ที่เผชิญกับสถานการณ์การระบาดของโควิด19 ตลอดทั้งปี
การลงทุนใหม่ และรูปแบบการระดุมทุนใหม่ที่เกิดขึ้น ปี 2564 ของแสนสิริ
" ปีที่แล้ว แสนสิริ ประสบความสำเร็จอย่างมากในการขายบ้านเดี่ยว ที่ถือว่าเป็นเรียลดีมานด์ ดันยอดขายทะลุ 2 หมื่นล้านบาท ผ่านโครงการที่ครอบคลุมหลายระดับราคา เช่ยเดียวกับ คอนโดมิเนียม ก็ยังทำได้ดี แบรนด์สำคัญ ตั้งแต่ สิริเพลส อาณาสิริ เดอะมูฟ คอนโดมี บูก้าน เศรษฐสิริ ฯ ได้รับการตอบรับดี "
ประเดิมปี 2565 เปิดโครงการใหม่ 50,000 ล้านบาท กับ 3 กุญแจความสำเร็จ
" เราอยากให้ทุกคนเติบโต โดยไม่โฟกัสแค่ตัวเลข ผลกำไร ธุรกิจที่แข็งแรง ต้องดูแลโลก และช่วยเหลือสังคม เพื่อให้ประเทศขับเคลื่อนไปด้วยกัน "
คือ พันธกิจข้างต้นของแสนสิริ ที่ประกาศภายใต้วิสัยทัศน์ “STEP BEYOND” ว่าในปีนี้ แสนสิริมุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งยั่งยืนในทุกมิติ พร้อมเป็นกำลังสำคัญให้ทุกองค์กรก้าวแกร่งไปด้วยกันในทั้ง 3 ด้าน Profit - PEOPLE และ PLANET เพราะเราเชื่อว่า เมื่อคนแข็งแรงช่วยกัน เราก็จะสามารถสร้างความหวังและกำลังใจให้คนตัวเล็กสู้ต่อ เพื่อให้ประเทศขับเคลื่อนต่อไปได้
PROFIT
" แสนสิริยังมองถึงความแข็งแกร่งระยะยาว 3 ปี เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยแผนเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่ารวม 150,000 ล้านบาท พร้อมเป้าหมายยอดขายรวม 120,000 ล้านบาทอีกด้วย "
PEOPLE
การดำเนินธุรกิจภายใต้ “YOU-centric” คุณทุกคนเป็นศูนย์กลางการขับเคลื่อนที่สำคัญของแสนสิริ ทั้ง พนักงาน ลูกค้า และสังคม อาทิ การส่งเสริมความเสมอภาคในพนักงาน ทั้งในด้านการเติบโตและสวัสดิการของทุกเพศ การนำเสนอโครงการที่คิดมาจากความต้องการของกลุ่มลูกค้าอย่างแท้จริง และ คนตัวใหญ่ต้องช่วยคนตัวเล็ก ลดความเหลื่อมล้ำ ส่งเสริมความเท่าเทียมในสังคม
PLANET
เปิดมุมมองเศรษฐกิจ และอสังหาฯ ปี 65 ของ 'เศรษฐา ทวีสิน'
สำหรับมุมมองต่อเศรษฐกิจและการดำเนินธุรกิจในปี 2565 นั้น นายเศรษฐา ระบุว่า เปิดศักราชปีใหม่ ประเทศไทยเผชิญกับแรงกดดันหลายเรื่อง ทั้ง สถานการณ์โควิด การกลายพันธุ์ของ "โอมิครอน" ปัญหาหนี้ครัวเรือน และแนวโน้มสินค้าราคาแพง ซึ่งอาจทำให้ การดำเนินธุรกิจปีนี้ ไม่ง่ายนัก โดยเฉพาะ หนี้สินภาคประชาชน อาจทำให้การอนุมัติสินเชื่อที่อยู่อาศัยถูกปฎิเสธมากขึ้น
อีกทั้งเรื่องต้นทุนการพัฒนาโครงการที่สูงขึ้น ทั้ง ราคาที่ดิน วัสดุก่อสร้าง ก็นับเป็นเรื่องน่ากังวล เพราะความเปราะบางของเศรษฐกิจ กระเป๋าเงินที่เล็กลงของผู้บริโภค หากโครงการที่อยู่อาศัยต้องปรับราคาขึ้น อาจไม่เป็นที่ตอบรับ ฉะนั้น การซื้อที่ดินใหม่ บ้านที่สร้างด้วยต้นทุนค่าแรงงาน วัสดุอุปกรณ์ใหม่ๆ อาจจต้องประเมินความเสี่ยงอีกครั้ง ว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสมจะเปิดตัวหรือไม่
อย่างไรก็ตาม คาดหวังว่า รัฐบาล จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้การค้าขาย กิจกรรมทางเศรษฐกิจ ดำเนินการต่อไปได้ โดยจะเป็นการช่วยพยุงทั้งระบบ
ปีนี้ต้องไม่ "ล็อกดาวน์" แนะรัฐลดแรงกดดันการเมือง
นายเศรษฐาระบุต่อว่า การติดเชื้ออย่างรวดเร็วของโอมิครอนทั่วโลก ที่ทำให้รัฐบาลตัดสินใจ สั่งปิดมาตรการท่องเที่ยว Test&GO โดยการเข้ามาของนักท่องเที่ยว และตรวจและกักตัว 7 วันนั้น ขณะนี้ ทำให้ภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบแล้ว สะท้อนยอดจองห้องพัก โรงแรมเดอะสแตนดาร์ดหัวหิน ลูกค้าทยอยยกเลิก จนเดือน กุมภาพันธ์ แทบไม่เหลืออัตรการจองเข้าพัก หากปลายเดือนกุมภาพันธ์ มียอดผู้ติดเชื้อภายในประเทศ สูงถึงหลักหลายหมื่นรายตามคาดการณ์ของสาธารณสุขนั้น อาจมีผลให้รัฐบาลประกาศมาตรการเข้มข้นขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม ในมุมภาคธุรกิจและเอกชนไทย อยากให้รัฐบาลพิจารณาถึงความสำคัญให้ดี โดย อัตราการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อโอมิครอนที่ต่ำของทั่วโลก สะท้อนความน่ากลัวของโรคไม่ได้รุนแรงอย่างที่คิด ขณะ การมีวัคซีน mRNA ในมือของไทยรองรับ อาจเป็นจุดเริ่มต้น ที่ถึงเวลาต้องยอมรับ และอยู่ร่วมกับโรคร้ายนี้ให้ได้ โดยไม่จำเป็นต้องประกาศ "ล็อกดาวน์" ส่วนมาตรการปิดประเทศ กีดกั้นการเข้ามาของนักท่องเที่ยว หากไม่มีความรุนแรงอย่างที่คาดการณ์ไว้ จำเป็นต้องสั่งยกเลิก เพื่อให้ธุรกิจเดินหน้า
อีกปัจจัยเฝ้าระวังของการทำธุรกิจนั้น นายเศรษฐา กล่าวถึง ประเด็นทางการเมือง ที่ยังอยู่ในจุดเสี่ยง ว่า ขณะนี้ความขัดแย้ง ต่อต้านรัฐบาลในภาคประชาชนยังเกิดขึ้นเป็นระยะๆ และไม่มีสัญญาณการยุบสภาอย่างที่มีการเรียกร้อง แต่เชื่อว่า รัฐบาลรู้งานดี และตระหนักรู้ว่าควรจะทำอย่างไรเพื่อลดแรงกัดดันต่างๆที่เกิดขึ้น โดยมองว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่ต้องถูกนำออกมาใช้อย่างต่อเนื่อง , การเลือกตั้งระดับท้องถิ่น โดยเฉพาะ การเลือกตั้งผู้ว่า กทม.ที่รอคอยมานานถึง 2 ปี ถึงเวลาที่ต้องคืนสิทธิ์ให้ประชาชน เพื่อลดแรงกดดันทางการเมือง ส่วนเวทีการเมืองสนามใหญ่
เชื่อว่า รัฐบาลคงรู้ว่าต้องทำอะไร
อสังหาฯปีนี้ แข่งคุณภาพ
นายเศรษฐา เผยมุมมองต่อภาคธุรกิจอสังหาฯไทย ว่า แนวโน้มปีนี้ ภาพการแข่งขันการลดราคา เพื่อช่วงชิงลูกค้า คงไม่เกิดขึ้นแล้ว โดยเฉพาะจากแสนสิริ เนื่องจากสินค้าพร้อมโอนฯ พร้อมขาย ลดลงไปมากแล้ว จากการทำสงครามราคาในช่วงที่ผ่านมา โดยการแข่งขันของตลาดในปีนี้ ประเมินว่า จุดแข่งสำคัญ ยังเป็นเรื่องของทำเลที่ตั้งโครงการ และ แบรนด์ ซึ่งจะทำให้รายใหญ่ 6-7 รายในตลาด ยังได้เปรียบอยู่ และแข่งขันกันในเชิงบริการหลังการขาย ว่าใครดีกว่ากัน
ทั้งนี้ ในแง่ทำเล มี 2 องค์ประกอบใหญ่ที่บริษัทจะให้ความสำคัญ คือ ทำเลที่แวดล้อม ไปด้วย โครงสร้างพื้นฐาน รถไฟฟ้า ทางด่วน ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าสนใจของทำเล ก่อให้เกิดแหล่งงาน เช่น ย่านสุวรรณภูมิ จากแผนพัฒนาสนามบิน เฟส 2 อีกแง่ การจะขยายทำเล ปักหมุดโครงการใหม่ ก็ต้องคำนึง และระมัดระวังถึงการการแข่งขันในย่านดังกล่าวด้วย