กกร.ปทุมธานีดัน”โมโนเรล”3เส้นทางบูมทำเลทองเชื่อมรถไฟฟ้าสีแดง-สีเขียว

16 ก.พ. 2565 | 02:46 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ก.พ. 2565 | 09:58 น.

ปทุม อ่วมรถติดพุ่ง1.6แสนคันต่อวัน กกร.จังหวัด ดัน โมโนเรลผ่าปทุม3เส้นทางเชื่อม รถไฟฟ้าสายหลัก “สีแดงรังสิต –สีเขียวคูคต” 5,000ล้าน ผ่าน"คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง"เปิดศักยภาพพัฒนาที่ดินดังราคาพุ่ง 

 

ปทุมธานี” หนึ่งในจังหวัดปริมณฑล ที่กำลังเผชิญวิกฤติจราจรไม่ต่างจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยถนนบางสายมีปริมาณการจราจรหนาแน่นกว่า140,000-160,000 คัน/วันแม้ว่าจะมีรถไฟฟ้า2สายทางรถไฟฟ้าสายสีแดงบางซื่อ-รังสิต และสายสีเขียวหมอชิต-คูคตขยายเส้นทางเชื่อมเข้าถึงจังหวัด  ทว่ายังขาดระบบFeeder มารองรับ  ทำให้จำนวนผู้ใช้บริการยังต่ำ

 

 

 ล่าสุดคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) จังหวัดปทุมธานี ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมจังหวัดปทุมธานี  มีนายชวลิต ครองสิน เป็นประธาน หอการค้าจังหวัดปทุมธานี นายสุรพงษ์ เป้ากลาง ประธานและชมรมธนาคารไทยปทุมธานี และนางนราวดี แก้วสำราญ  เป็นประธาน  

กกร.ปทุมธานีดัน”โมโนเรล”3เส้นทางบูมทำเลทองเชื่อมรถไฟฟ้าสีแดง-สีเขียว

เข้าพบ  พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง  นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี(อบจ.ปทุมธานี) ยื่นผลศึกษาโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนเบา 3 สาย ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ศึกษาไว้  ขอสนับสนุนให้เป็นผู้นำในการผลักดันเรื่องนี้ให้เกิดเป็นรูปธรรมเพราะปัญหาจราจรปทุมธานีนับวันจะทวีความรุนแรงขึ้นตามลำดับ

กกร.ปทุมธานีดัน”โมโนเรล”3เส้นทางบูมทำเลทองเชื่อมรถไฟฟ้าสีแดง-สีเขียว

 

ทั้งนี้ การประชุมกกร.จังหวัดปทุมธานี ครั้งที 1/2565 เมื่อเดือนมกราคม 2565  พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง  เป็นประธานในที่ประชุมได้เสนอประเด็นปัญหาเพื่อพิจารณาแก้ไขร่วมกันทั้งนี้นอกจากจะส่งผลดีต่อการเดินทางเชื่อมโยงรถไฟฟ้าสายหลักสายสีแดงและสายสีเขียวลดปัญหาจราจรแล้วยังเพิ่มศักยภาพการพัมนาที่ดินแนวเส้นทางให้สูงขึ้นเปิดพื้นที่พัฒนาเชิงพาณิชย์นอกจากที่อยู่อาศัยแนวราบ

กกร.ปทุมธานีดัน”โมโนเรล”3เส้นทางบูมทำเลทองเชื่อมรถไฟฟ้าสีแดง-สีเขียว

ขณะราคาที่ดินขยับสูงทั้งนี้นายชวลิต ครองสิน ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดปทุมธานีเปิดเผย”ฐานเศรษฐกิจ”ว่า การลงทุนรถไฟฟ้า3เส้นทางจะเพิ่มศักยภาพการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีจากแนวราบสู่แนวสูงอีกทั้งยังช่วยให้ราคาที่ดินขยับสูงจากปัจจุบันราคาไร่ละ10-20ล้านบาททำเล รังสิต-นครนายกขยับสูง เป็น30ล้านบาทต่อไร่หากรถไฟฟ้าก่อสร้างเปิดให้บริการโดยเฉพาะตั้งแต่ทำเลรังสิตคลอง3-คลอง6 

กกร.ปทุมธานีดัน”โมโนเรล”3เส้นทางบูมทำเลทองเชื่อมรถไฟฟ้าสีแดง-สีเขียว

ที่มีการพัฒนาเกิดขึ้นมากและการพัฒนาขยายออกไปถึงคลอง15   ขณะการลงทุนประเมินว่าจะใช้งบประมาณกว่า5,000ล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณของท้องถิ่นและสามารถพัฒนาได้ภายในไม่เกิน2-5ปีนับจากนี้  สำหรับรูปแบบคล้ายกับสายสีทอง หรือไม่สายสีเหลืองในกทม.ซึ่งรูปแบบลงทุนจะเป็นเอกชนร่วมลงทุนรัฐPPPหรือไม่ก็จ้างเอกชนเดินรถเพียงอย่างเดียว

กกร.ปทุมธานีดัน”โมโนเรล”3เส้นทางบูมทำเลทองเชื่อมรถไฟฟ้าสีแดง-สีเขียว

นายชวลิตกล่าวต่อว่าปัจจุบันปทุมธานีได้รับผลกระทบหนักจากวิกฤติจราจรเกิดความสูญเปล่าทางพลังงานหากมีรถไฟฟ้าพาดผ่านในจังหวัดนอกจากสร้างความเจริญให้กับเมืองแล้วยังสามารถรองรับคนจำนวนมากเดินทางเชื่อมโยงรถไฟฟ้าสายสีแดงสายสีเขียววิ่งเข้าสู่ใจกลางกทม.ได้สะดวกรวดเร็วขึ้น เพื่อสนับสนุนรัฐบาลที่ลงทุนระบบรางให้เกิดความคุ้มค่า

 

รถไฟฟ้ารางเบา 3เส้นทางประกอบด้วย สายที่1 เชื่อมรถไฟฟ้าสายสีแดงสถานีรังสิต-ตลาดรังสิต-ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ระยะทาง 2 กิโลเมตร  สายที่ 2 เชื่อมรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีคูคต-ถนนเสมาฟ้าคราม-ถนนรังสิต-นครนายก-ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ระยะทาง 9.3 กิโลเมตร   สายที่ 3 เชื่อมรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์-ตลาดไท-วัดธรรมกาย ระยะทาง 6 กิโลเมตร

 

ด้านแหล่งข่าวศูนย์ตักศิลารังสิต( Rangsit  Knowledge Center)ในฐานะภาคประชาสังคมจังหวัดปทุมธานี แสดงความเห็นด้วยกับ 3 องค์กรธุรกิจ หนุนองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เป็นแกนหลักในการผลักดันโครงการรถไฟฟ้าโมโนเรล  ใช้เป็นระบบFeeder เชื่อมกับรถไฟฟ้า 2 สายหลัก(สายสีเขียว -สายสีแดง)  โดยเชื่อว่า ภาคธุรกิจในพื้นที่อยากให้อบจ.เป็นแกนนำผลักดัน ด้วยเหตุผล 2 ประการคือ 

 

1.อบจ. เป็นหน่วยงานราชการในท้องถิ่นมีความต่อเนื่อง    ขณะผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นราชการส่วนภูมิภาค  อาจมีสลับเปลี่ยนหมุนเวียนตามวาระ และสถานการณ์   จะขาดความต่อเนื่อง  2.ตามพระราชบัญญัติ อบจ.ฉบับปัจจุบัน มาตรา 45 (6/1) ระบุในเรื่องการส่งเสริม สนับสนุนเรื่องการจราจรไว้ชัดเจน   ฉะนั้นแปลว่า อบจ.สามารถทำในเรื่องนี้ได้  เหมือนกับที่บางจังหวัดที่เดินหน้าไปไกลมากอย่างจังหวัดขอนแก่น ที่ทำรถไฟฟ้าโมโนเรล ก็เริ่มจากท้องถิ่น

 

  โดย 5 เทศบาลใน อ.เมืองขอนแก่น จับมือกับภาคธุรกิจในจังหวัด  จัดตั้งเป็นนิติบุคคลขึ้นมาดำเนินการโมโนเรลโดยเฉพาะมีท้องถิ่นถือหุ้นใหญ่   จนกลายเป็นต้นแบบของประเทศเวลานี้   ประกอบกับ พรบ.เทศบาล 2562 ข้อที่9 ระบุขอบเขตอำนาจท้องถิ่น สามารถดำเนินการในเรื่องแก้ไขปัญหาจราจรในพื้นที่ได้

 

“ ปัญหาจราจรกำลังกลายเป็นปัญหาวิกฤติของเมืองใหญ่เวลานี้  หลายจังหวัดพูดถึงรถไฟฟ้าโมโนเรลมานาน  แต่ก็ยังไม่เห็นรูปธรรมเกิดขึ้นได้   และวันนี้ ถ้าเรารอรัฐบาลกลางมาดำเนินการให้  ไม่สามารถแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในเรื่องการจราจรได้ทันแน่นอน    และนับวันปัญหาจะรุนแรง    โดยจังหวัดปทุมธานีขณะนี้ปริมาณการจราจรในถนนบางสายหนาแน่นกว่า140,000 -160,000 คัน/วัน   หากยังปล่อยไม่เร่งแก้ไขก็จะเป็นมะเร็งร้ายตามมา”

  

เมื่อท้องถิ่นหลายแห่งมีความพร้อม ภาคธุรกิจในจังหวัดมีความพร้อม ขณะกฎหมายก็ระบุบทบาท อำนาจและหน้าที่ไว้ชัดเจนในเรื่องการส่งเสริม และสนับสนุนการแก้ไขปัญหาจราจร  ซึ่งครอบคลุมทั้งการจราจรทางบก   ทางราง  และทางน้ำ

 

“ถามว่า แล้วจะไปรออะไรอีก  ในเมื่อฟันเฟืองทุกตัวพร้อมหมดแล้ว   หากคิดรอรัฐบาลกลางอีก 20 ปีก็เกิดไม่ได้   หมดเวลาแล้วที่มักอ้างเสมอมาว่าท้องถิ่นไม่มีอำนาจและหน้าที่  ทำเรื่องรถไฟฟ้า   โดยเฉพาะปทุมธานีในอดีตที่พัฒนาจังหวัดได้ช้า  เพราะขาดวิสัยทัศน์ และติดกับดักนโยบายรอ  

 

โดยมักอ้างว่าท้องถิ่นไม่มีอำนาจ เป็นหน้าที่ของส่วนกลาง  ทั้งรถไฟฟ้าโมโนเรล  ปัญหาน้ำประปาไหลอ่อน  หรือแม้กระทั่งการเก็บผักตบชวา  เพราะขาดความกล้า เลยไปสร้างกับดักความกลัวขึ้นมาแทน   คนที่พลอยรับกรรมคือประชาชน  ที่เสียโอกาสการพัฒนาจังหวัด แถมมีความเดือดร้อนเป็นกำไร”

สำหรับ บทบาทของท้องถิ่นในการแก้ปัญหาในพื้นที่  มีทั้งมิติของการประสานงาน   การส่งเสริม   การสนับสนุน และหรือการแกนกลไกหลักการแก้ปัญหา  ภายใต้บทบาท และหน้าที่ตามกฎหมายจัดตั้ง  อย่าไปติดกับดัก   จนกลายเป็นอุปสรรคการพัฒนาท้องถิ่น 

แหล่งข่าวศูนย์ตักศิลายังเสนอแนะว่า การดำเนินการใน  3 เส้นทางที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มีผลศึกษา ถือว่าเป็นการแก้จุดที่เป็นหัวใจและเป็นจุดที่มีปัญหาจราจรในปทุมธานีมากที่สุดแต่ในอนาคตอยากให้ขยายเส้นทางสายที่ 2 ที่เชื่อมรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีคูคต-ถนนเสมาฟ้าคราม-ถนนรังสิต-นครนายก-ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต  ระยะทาง 9.3 กิโลเมตร    ช่วงคลอง 2 ถนนรังสิต-นครนายก

 

อยากให้ลากยาวไปบนเกาะกลาง ถึงคลอง 6-7 และเชื่อมกับสวนสัตว์แห่งใหม่ที่กำลังจะเปิดในปี2570  จะทำให้ประชาชนมีโอกาสใช้บริการมากขึ้น  และส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกทางหนึ่ง  สอดรับกับนโยบายของจังหวัดที่ต้องการเพิ่มนักท่องเที่ยวจากปัจจุบัน 8 แสนคนต่อปี เป็น 2-3 ล้านคนต่อปีได้ไม่ยากและทำให้รายได้เพิ่มจากปีละ4,000-  5,000 ล้านเป็น 10,000-20,000 ล้านบาทต่อปีไม่ยาก

 

สำหรับระบบFeeder อื่น เช่น ทางเรือ  ทางเลน   ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่อยากให้ผลักดันไปพร้อมๆ  เพื่อสร้างทางเลือกให้ประชาชนในการเดินทางตามไลฟ์สไตล์  เพราะเรามีท่าเรือที่เคยทำไว้ตั้งแต่คลอง1- คลอง7  มีท่าเรืออยู่แล้ว เหลือแต่จัดหาเรือมาบริการ และปรับปรุงท่าใหม่ที่ชำรุด    ส่วนFeeder อีกระบบ คือ เลนจักรยาน  เพื่อกลุ่มรักสุขภาพ   จากสถานีรถไฟฟ้ารังสิต-คลอง6 ซึ่งปัจจุบันช่วงจากคลอง3-5 มีอยู่แล้วภายใต้การดำเนินการของเทศบาลเมืองบึงยี่โถ 

 

หากเทศบาลนครรังสิตต่อเส้นทางจากคลอง3   ถึงสถานีรถไฟฟ้ารังสิต  และเทศบาลตำบลธัญบุรีขยายเส้นทางจากคลอง5  ถึงคลอง 7   จะทำให้มีทางเลือกการเดินทางมากขึ้น  และการลงทุนก็ไม่แพงเพียงกิโลเมตรละ 4-5 ล้านบาทเท่านั้น นอกจากเป็นระบบfeederเสริมยังจะเป็น  Landmark แห่งใหม่ของปทุมธานีอีกด้วย

 

ทั้งนี้มีคำพูดติดตลกว่า  คนปทุมธานีเดินทางด้วยรถไฟฟ้าจากสถานีสาธร มาลงคูคต ใช้เวลา 45 นาที  แต่เดินทางจากคูคต  ถึงฟิวเจอร์ พาร์ครังสิตใช้เวลา 2 ชั่วโมง  เพราะถนนเสมาฟ้าคามรถติดมาก พอ กับรังสิต-นครนายก  โดยเฉพาะช่วงชั่วโมงเร่งด่วน 

 

  ดังนั้น หากเฟสแรก  ดำเนินการตามผลศึกษาข้างต้น และเฟส2 ขยายเส้นทางรังสิต-นครนายก ออกไปถึง คลอง 7 และสวนสัตว์เขาดินแห่งใหม่  และสายที่ 3 เชื่อมรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์-ตลาดไท-วัดธรรมกาย ระยะทาง 6 กิโลเมตร   ขยายเส้นทางต่อไปถึงอุทยานวิทยาศาสตร์ คลอง 5 จะช่วยป้อนปริมาณผู้โดยสารผ่านรถไฟฟ้าโมโนเรล เข้าสู่ระบบรถไฟฟ้า2สายหลักได้อย่างคุ้มค่า

 

“ขอย้ำว่า ใครก็ตามที่คิดนำระบบรถEVBUS มาวิ่งเป็นระบบFeeder บนถนนหลักแทน ขอย้ำว่า ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา เพราะยังต้องไปแย่งเลนร่วมกับรถยนต์ปกติ  ซึ่งก็หนาแน่นอยู่แล้ว  เราต้องคิดแก้แบบระยะยาวและยั่งยืนจะดีกว่านั้น คือ โมโนเรล   เพราะถ้าท้องถิ่นอย่างขอนแก่นเขาทำได้  และหลายจังหวัดกำลังจะทำ แล้วทำไมปทุมธานีเราจะทำไม่ได้” 

กกร.ปทุมธานีดัน”โมโนเรล”3เส้นทางบูมทำเลทองเชื่อมรถไฟฟ้าสีแดง-สีเขียว