นางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI เปิดเผยว่า ในปี 2565 ได้วางแผนเชิงรุกเปิดตัวที่อยู่อาศัยแนวราบเพิ่มเป็น 12 โครงการมูลค่าโครงการรวม 13,400 ล้านบาท จากเดิมจะเปิดตัว 9 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 10,800 ล้านบาท ด้วยการรุกพัฒนาโครงการในจังหวัดหัวเมืองเพิ่มขึ้น เน้นจังหวัดที่มีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจ จำนวนประชากรและความต้องการที่อยู่อาศัย เพื่อยกระดับการใช้ชีวิตแก่คนในพื้นที่ ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของบริษัทฯ ที่เปิดโครงการพื้นที่ดังกล่าว ภาคตะวันออกและภาคกลาง
12 โครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในปีนี้จะอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 6 โครงการ และต่างจังหวัด 6 โครงการ ได้แก่ 1. โครงการบริทาเนีย ราชพฤกษ์ – นครอินทร์ 2. บริทาเนีย โฮม บางนา กม.17 3. บริทาเนีย ทาวน์ บางนา กม.17 4. แกรนด์บริทาเนีย บางนา กม.35 5. บริทาเนีย อมตะ-พานทอง 6. แกรนด์บริทาเนีย คูคต 7. บริทาเนีย อุดร-ดุษฎี 8. บริทาเนีย ระยอง 9. บริทาเนียวงแหวน-ปิ่นเกล้า 10. บริทาเนีย ขอนแก่น 11. บริทาเนีย โฮม อยุธยา และ 12. บริทาเนีย ทาวน์ อยุธยา
แผนยุทธศาสตร์ของบริทาเนียปี 2565 จะมุ่งดำเนินธุรกิจภายใต้คอนเซปต์ ‘Growth Together’ ทั้งการขยายตลาดสู่ทำเลใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะในจังหวัดภูมิภาคทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออกและภาคกลาง และการร่วมทุนกับพันธมิตร (JV) ปรับตัวสู่ดิจิทัล แพลตฟอร์ม
รวมถึงการพัฒนาระบบนิเวศน์ (Eco System) การให้คำแนะนำและสนับสนุน (Coaching & Support) เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพให้กับทุกภาคส่วน ทั้งลูกค้า พันธมิตร พาร์ทเนอร์และพนักงานของบริษัทฯ ส่งต่อองค์ความรู้ที่จะเพิ่มศักยภาพและปรับตัวรับยุค Next Normal เพื่อร่วมมือกับทุกภาคส่วนเติบโตอย่างมั่นคง
เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่นำเข้ามาปรับใช้ เน้นการเพิ่มความสะดวกสบาย โดยการนำพลังงานทางเลือกเข้ามาใช้เพิ่มเติม ได้แก่ การพัฒนา Solar Roof Top (แผงหลังคาโซลาร์เซลล์) และ EV Charger (สถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า) จะเริ่มนำร่องทดลองใช้พื้นที่ส่วนกลาง อาคารสโมสร ของบ้านภายใต้แบรนด์ ‘แกรนด์ บริทาเนีย’ เพื่อดูผลตอบรับก่อนขยายการติดตั้งไปยังพื้นที่หรือบ้านในแบรนด์อื่นๆ นอกจากนี้บริษัทฯ มีนโยบายการบริการหลังการขายแก่ลูกบ้านตลอดช่วงอายุการพักอาศัย (Long-Life Living After Sale Service) ครอบคลุมทั้งภายในและหลังระยะเวลาประกัน เช่น รับประกันคุณภาพโครงสร้างบ้าน 5 ปีนับจากวันที่โอนกรรมสิทธิ์, ให้คำปรึกษาและอำนวยความสะดวกการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน, การแจ้งซ่อมและติดตามสถานะผ่าน Mobile Application Britania Connect
จากแผนพัฒนาโครงการดังกล่าว บริษัทฯ วางเป้าหมายยอดขาย (พรีเซล) ในปี 2565 ที่ 11,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 30% จากปีก่อนที่มียอดขาย 8,300 ล้านบาท และวางเป้าหมายยอดรับรู้รายได้ 7,250 ล้านบาท โดยมียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ ณ สิ้นปี 2564 แล้ว 1,204 ล้านบาท จึงมั่นใจว่าแผนยุทธศาสตร์จะเติบโตแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ได้วางแผนล่วงหน้าเพื่อรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เช่น การเจรจาล็อกราคาวัสดุก่อสร้างกับพันธมิตร, เพิ่มประสิทธิภาพบริหารค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร เป็นต้น เพื่อลดผลกระทบจากการปรับราคาที่อยู่อาศัย โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีบ้านแนวราบที่อยู่ระหว่างการขายทั้งสิ้น 20 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 22,250 ล้านบาท
ส่วนภาพรวมแนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบในปี 2565 คาดว่าจะเป็นปีแห่งการฟื้นตัวและเติบโตได้ดี เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณบวกในช่วงปลายปีที่ผ่านมา หลังจากรัฐบาลเริ่มเปิดประเทศ การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ การกระจายวัคซีนที่ทำได้อย่างรวดเร็ว ประกอบกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ผ่อนปรนหลักเกณฑ์กำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย (มาตรการ LTV) เป็นการชั่วคราว สามารถปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยรวมกับสินเชื่อที่เกี่ยวเนื่องได้ 100% ของมูลค่าหลักประกัน ส่งผลดีต่อการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์และความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตลาดบ้านแนวราบ ตลอดจนแนวโน้ม GDP ปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโต 3 – 4% คาดว่าจะเห็นการพัฒนาโครงการกระจายตัวสู่พื้นที่รอบนอกของกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้น จากการทยอยเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายใหม่ การขยายโครงข่ายคมนาคมเพื่อเชื่อมต่อการเดินทางจากกรุงเทพฯ สู่ภูมิภาคได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการมองเห็นโอกาสขยายทำเลเปิดโครงการใหม่ในจังหวัดหัวเมือง