5 เมษายน 2565 - นายนิธิ ภัทรโชค กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี กล่าวว่า “กลุ่มบริษัทเอสซีจี วางกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจระยะยาว ด้วยแนวทาง ESG 4 Plus (มุ่ง Net Zero – Go Green – Lean เหลื่อมล้ำ – ย้ำร่วมมือ) โดยเฉพาะการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก พัฒนาสินค้าคาร์บอนต่ำ ซึ่งธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ถือเป็นธุรกิจเรือธงในการพัฒนานวัตกรรมสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้แก่ผู้คน”
ในปี 2565 เอสซีจีจึงใช้แนวทางดังกล่าวมาเป็นกลไกขับเคลื่อน 3 ธุรกิจหลักภายใต้ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ได้แก่ Cement and Green Solution Business, Housing Products and Solution Business และ SCG Home Business โดยดำเนินงานควบคู่ไปกับแนวทาง ESG 4 Plus ผ่าน 3 กลยุทธ์ ดังนี้
Green Construction for the Future จากปัญหาการก่อสร้าง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องขยะ งบประมาณบานปลาย ระยะเวลาก่อสร้างที่ยืดเยื้อและแรงงานขาดแคลน CPAC ได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมายกระดับการก่อสร้างอย่างเป็นรูปธรรมและสร้างสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ได้แก่ “CPAC BIM” เทคโนโลยีดิจิทัลที่ช่วยสร้างความแม่นยำในการออกแบบ ส่งเสริมการทำงานร่วมกันแบบ Collaborative Platform ให้ผู้เกี่ยวข้องเห็นภาพเดียวกัน “CPAC Drone Solution” การสำรวจพื้นที่หน้างานให้การก่อสร้างแม่นยำและปลอดภัยยิ่งขึ้น
อีกทั้งมีโซลูชั่นอื่นๆ พัฒนาขึ้นมาตอบโจทย์ลูกค้าได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น อาทิ “CPAC 3D Printing Solution” เทคโนโลยีการพิมพ์ขึ้นรูปแบบ 3 มิติ ที่สร้างสรรค์การออกแบบได้หลากหลาย รวดเร็ว และ “CPAC Low Rise Building Solution” โซลูชั่นงานก่อสร้างบ้าน หรืออาคาร ด้วยชิ้นส่วนโครงสร้างคอนกรีตสำเร็จรูป ช่วยลดเศษวัสดุเหลือทิ้งจากการก่อสร้างที่หน้างานได้อย่างน้อย 80% ทั้งนี้ เจ้าของโครงการ ผู้รับเหมา หรือผู้ประกอบการสามารถเข้าปรึกษาและร่วมพัฒนาโซลูชั่นการก่อสร้างได้ที่ CPAC Solution Center หรือ CSC ทั้ง 23 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นศูนย์รวมความรู้และเทคโนโลยีการก่อสร้าง แบบ Open Innovation ช่วยยกระดับการก่อสร้างให้มีประสิทธิภาพ
Living Smart at Home
พัฒนาและนำเสนอสินค้า บริการ และโซลูชั่นที่ตอบความต้องการของลูกค้าและสังคม สามารถแก้ปัญหา และยกระดับการอยู่อาศัยที่ดีกว่าทั้งในวันนี้ และวันข้างหน้า อาทิ ผลิตภัณฑ์และเซอร์วิสโซลูชั่นที่ช่วยส่งเสริมด้านสุขอนามัยที่ดี ได้แก่ SCG Active AIR Quality ระบบปรับคุณภาพอากาศภายในบ้าน กรองฝุ่น PM 2.5 และเชื้อไวรัส แบคทีเรียได้ 99%
รวมทั้งนำ Digital Technology และ Application ต่างๆ เข้ามาเพิ่มความสะดวกสบาย ปลอดภัย และประหยัดพลังงาน ได้แก่ SCG Smart Living Application รองรับการควบคุมและตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของระบบต่างๆ ภายในบ้านได้อย่างสะดวกสบายในแพลตฟอร์มเดียว ทั้ง SCG Solar Roof Solutions, SCG Active AIRflow System และ SCG Active AIR Quality ทั้งนี้ ในปีนี้เตรียมจะเปิดตัวนวัตกรรมการอยู่อาศัยเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค
Change of Retail Experience SCG HOME
ก้าวไปอีกขั้นกับการเป็นผู้ช่วยเรื่องที่อยู่อาศัย หรือ Lifetime Home Partner มุ่งทำให้ผู้คนมีคุณภาพการอยู่อาศัยที่ดียิ่งขึ้น เติมเต็มประสบการณ์การอยู่อาศัยผ่านช่องทางค้าปลีกที่เชื่อมโยงทั้งหน้าร้านและออนไลน์ พร้อมสร้างความแตกต่างและตอบความต้องการลูกค้า ด้วย Service & Solution ครอบคลุมทุกขั้นตอนตั้งแต่สร้างแรงบันดาลใจในเรื่องที่อยู่อาศัย เริ่มคิดและทำที่อยู่อาศัย ออกแบบ ก่อสร้าง ปรับปรุง ต่อเติม จนถึงเข้าอยู่ รวมไปถึงบริการดูแลรักษาบ้าน เช่น ตรวจสอบระบบไฟฟ้าภายในบ้าน และติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น เป็นต้น
นอกจากนั้น ยังได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเติมเต็มประสบการณ์การซื้อขาย อาทิ Smart Display ให้เจ้าของบ้านได้เลือกซื้อสินค้าด้วยตนเองผ่าน QR Scan เพื่อดูสินค้า ข้อมูลทางเทคนิค และยังเห็นราคาและสต็อคสินค้าตามเวลาจริง และ Virtual Store ที่ให้ลูกค้าท่องร้านบนโลกเสมือนแบบ 360 องศา ได้ทุกที่ทุกเวลา เป็นต้น และเพื่อให้การส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด SCG HOME ได้ร่วมกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านพัฒนาแพลตฟอร์ม เพื่อยกระดับการทำงานของกลุ่มร้านค้า ช่าง และผู้รับเหมา อาทิ แพลตฟอร์มจัดซื้อวัสดุก่อสร้างออนไลน์ “รักเหมา” แพลตฟอร์มสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างออนไลน์ “Prompt Plus” (พร้อมพลัส) และแพลตฟอร์มซื้อขายวัสดุก่อสร้างออนไลน์ “Promptdee” (พร้อมดี) เป็นต้น