กรมที่ดิน งัดรฟท.ดึงคนรถไฟชี้แนวเขต“เขากระโดง”รวมหลักฐานชี้แจงศาลปกครอง

15 เม.ย. 2565 | 02:24 น.
อัปเดตล่าสุด :15 เม.ย. 2565 | 13:38 น.

กรมที่ดินงัดรฟท.ตั้งคณะทำงานลงพื้นที่“เขากระโดง”พร้อมดึงคนรถไฟ ร่วม ชี้แนวเขต รวบรวมหลักฐานชี้แจงศาลปกครอง ภายใน90 ยันพร้อมตั้ง คณะกรรมการตามมาตร61 เพิกถอนโฉนดที่ดิน น.ส.3 น.ส.3 ก คืนรฟท. หากออกเอกสารสิทธิผิดพลาดคลาดเคลื่อน ทับที่ดินรัฐ

 

ข้อพิพาทปมที่ดินเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์  ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) กรมที่ดิน ประชาชนผู้ถือครอง กำลังลุกเป็นไฟ และอาจสะเทือนถึงนักการเมืองดัง

 

 

เมื่อ รฟท.ยื่นศาลปกครองฟ้องกรมที่ดิน ตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิที่ดิน5,083 ไร่ เพื่อเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ โฉนดที่ดิน น.ส. 3 น.ส.3ก ที่ออกทับที่ดินเขากระโดง นับตั้งแต่ วันที่23 ธันวาคม2564เป็นต้นมาโดยเรียกค่าเสียหาย 700ล้านบาทไม่รวมดอกเบี้ยจนกว่าคดีจะได้ข้อยุติหากมีคำพิพากษาจากศาลฎีกาออกมา

 

 

ที่ดินเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์

 

 

 

ทางด้านกรมที่ดินมองว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะต้องการให้มหากาพย์ที่ดินเขากระโดงยุติปัญหาโดยเร็ว เดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเนื่องจากคาราคาซังมานาน โดยกรมที่ดินยืนยันว่าหากจะเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ได้ก็ต่อเมื่อ

 

รฟท.ต้องออกมารับรองแนวเขตซึ่งที่ผ่านมากรมที่ดินไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ทำหนังสือขอระวางแนวเขตจากรฟท.ไปแล้วถึง2ครั้งรวมทั้งให้คนของรฟท.ประชุมร่วมกันกับกรมที่ดินเพื่อค้นหาแนวเขตแต่ก็ไร้ผล

 

อ้างเพียงให้กรมที่ดินใช้ระวางเขตที่ดินเขากระโดงฉบับเดิม ปี2531และปี2539ซึ่งเป็นแผนที่เก่าไม่มีความชัดเจนและมีความคลาดเคลื่อนสูงหากเทียบกับหลักฐานใหม่ในปัจจุบัน

ล่าสุดต้นเดือนเมษายน 2565 ศาลปกครองได้มีหนังสือถึงกรมที่ดินเพื่อขอข้อมูลเอกสารหลักฐานประกอบการออกเอกสารสิทธิ์ทั้ง 5,083 ไร่ ภายใน90วันนับจากวันที่ศาลมีหนังสือ

 

 

โดยกรมที่ดินได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา1ชุด มีผู้ตรวจราชการกรมที่ดินเขต13 เป็นประธาน ลงพื้นที่ค้นหาความจริง ตรวจสอบเขตที่ดินเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ 90วัน พร้อมมีหนังสือถึงรฟท.ให้ส่งทีมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ชี้แนวเขตและรับรองแนวเขต เพื่อปัดหมุดที่ดินเพราะที่ดินแม้อยู่ในแปลงเดียวกันอาจไม่ใช่ที่ดินของรฟท.ทั้งหมด

 

หากมีความชัดเจน ที่ดินแปลงไหนเป็นที่ดินเขากระโดงของรฟท. กรมที่ดินจะตั้ง คณะกรรมการตามมาตร61 เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ โฉนด น.ส.3 น.ส.3ก   ทันทีอย่างไรก็ตามกรมที่ดินไม่สามารถเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ตามใจชอบหรือหน่วยงานใดมีคำสั่งให้เพิกถอน เพราะอาจจะกระทบหรือไปรอนสิทธิ์เจ้าของกรรมสิทธิ์กรมที่ดินอาจถูกประชาชนฟ้องศาลได้

 

ย้อนไปก่อนหน้านี้กรมที่ดินได้ชี้แจงทำความเข้าใจ ต่อสาธารณะมาโดยตลอดว่า ในกรณีที่ การรฟท.มีหนังสือส่งเรื่องให้กรมที่ดินพิจารณาดำเนินการเพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน เนื้อที่ประมาณ5089 ไร่ ที่ออกทับที่ดินของการรถไฟฯ

 

 

ในพื้นที่บริเวณเขากระโดง อำภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ ๘๔๒ - ๘๗๒/ ๒๕๖๐ และที่ ๘๐๒๗/๒๕๖๓ ว่าเป็นพื้นที่ของ รฟท. และโฉนดที่ดินเลขที่ ๓๔๖๖, ๘๕๖๔ ตำบลอิสาณ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ นั้น

 

1)กรณีดังกล่าวเป็นกรณีเดียวกันกับที่สมาพันธ์คนงานรถไฟและสหภาพแรงงานรถไฟ ได้ร้องเรียนต่อรัฐนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยขอให้เพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินทุกแปลงที่ออกในพื้นที่ของการรถไฟเนื้อที่ประมาณ 5083 ไร่ ซึ่งกรมที่ดินได้แจ้งให้การรถไฟฯ

 

จัดส่งแผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจัดซื้อที่ดินฯ พ.ศ.2464 ให้กรมที่ดินพร้อมทั้งมีหนังสือแจ้งให้จังหวัดบุรีรัมย์ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินแปลงใดบ้างที่ออกไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เสร็จแล้วแจ้งให้ กรมที่ดินเพื่อพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่

 

2) กรณีโฉนดที่ดินเลขที่ ๓๔๖๖ , ๘๕๖๔ ตำบลอิสาณ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ เนื้อที่ประมาณ 44 ไร่ กรมที่ดินได้มีหนังสือ ที่ มท ๑๕๑๖.๒(๓)/๒๗๘๒๖ ลงวันที่ 2 ตุลาคม2555  แจ้งผลการพิจารณาของสำนักงานอัยการสูงสุดให้การรถไฟฯ ในฐานะหน่วยงานผู้ดูแลรักษาฟ้องคดีต่อศาลแล้ว

 

 

3) กรณีศาลฎีกา มีคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ ๘๔๒ - ๘๗๖/๒๕๖๐ และ ที่ ๘๐๒๗/๒๕๖๓ ว่า ที่ดินเนื้อที่ประมาณ 194 ไร่ เป็นที่ดินของการรถไฟฯ ซึ่งเป็นกรณีเดียวกันกับที่ราษฎร จำนวน 35 ราย ได้ยื่นขอออกโฉนดที่ดินตาม ส.ค. 1และมีหลักฐาน น.ส. 3 (ยังไม่มีการออกโฉนดที่ดิน) กรมที่ดินได้แจ้งให้จังหวัดบุรีรัมย์พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่แล้ว

 

 

โดยในขณะนี้ กรมที่ดินอยู่ระหว่างการจัดส่งข้อมูลเอกสารหลักฐานของการรถไฟฯ ให้จังหวัดบุรีรัมย์รวมเรื่องเพื่อพิจารณาและแจ้งให้การรถไฟฯ ดำเนินการเพิ่มเติม หากข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติว่า หนังสือแสดงสิทธิในที่ดินแปลงใดออกไปโดยคลาดเคลื่อน หรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็จะได้พิจารณาดำเนินการ เพิกถอนหรือแก้ไขตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินต่อไป