11 พฤษภาคม 2565 -โครงการ' นิว ครอส คูคต สเตชัน ' มูลค่า กว่า 2,000 ล้านบาท นับเป็นโมเดลการร่วมทุนครั้งสำคัญ ของ 2 พันธมิตรยักษ์ใหญ่ ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ โครงการลำดับ 3 ระหว่าง บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) เครือ บีทีเอสกรุ๊ป ซึ่งมีแลนด์แบงค์ครอบครองทั่วเมือง ติดแนวเส้นทางรถไฟฟ้ามหาศาล ก่อเกิดบิ๊กโปรเจ็กต์สนั่นเมืองอย่างน่าจับตามองอีกครั้ง
ย้อนไปปี 2563 ทั้งโนเบิล และ ยูซิตี้ ลงนามสัญญากรอบความร่วมมือทางธุรกิจและร่วมทุนเพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัย โดยมีสัดส่วนการถือหุ้น 50:50 ผ่านการเปิดตัวโครงการร่วมทุนแรก บน ทำเลรัชดา-ลาดพร้าว มูลค่าโครงการกว่า 2,000 ล้านบาท
ถัดมา เมื่อต้นปี 2565 ที่ผ่านมา ได้ร่วมกัน ปลุกทำเลฮอตฮิต พระราม 9 ผุดโครงการ 'นิว ดิสทริค อาร์ 9' มูลค่าโครงการประมาณ 6,200 ล้านบาท ติดเซ็นทรัลพระราม 9 ใกล้ MRT และ จุดเชื่อมต่อสถานี Interchange BTS อโศก รวมถึง Airport Rail Link มักกะสัน สะท้อน การผนึกกำลังพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยร่วมกัน ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า หวังสร้างความแข็งแกร่ง ในธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ยึด 6 ทำเลทอง ปั้นเมืองอสังหาฯ
ล่าสุด นายอรรถวิทย์ เฉลิมทรัพยากร กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงิน บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE ระบุ ในงานเปิดตัว 'โครงการ นิว ครอส คูคต สเตชัน' ว่า โมเดลการร่วมทุนกับ ยูซิตี้ จะเป็นกลยุทธ์สำคัญ ในการขยายโครงการที่อยู่อาศัย ในทำเลทองทั่ว กทม.และปริมณฑล ทั้งในรูปแบบการพัฒนา “TOD” (TRANSIT ORIENTED DEVELOPMENT) หรือ การบริหารจัดการพื้นที่รอบสถานีขนส่งสาธารณะ ซึ่งเป็นแนวคิดของการพัฒนาเมือง ควบคู่ไปกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง และ การพัฒนาโครงการแบบทั่วไป ซึ่งที่ผ่านมา บริษัท เข้าไปใช้ที่ดินของ ยูซิตี้ แล้วรวม 3 ทำเล ได้แก่ รัชดา - ลาดพร้าว ,พระราม 9 และ ล่าสุด คูคต (ปทุมธานี)
ขณะในอนาคต ยังมีแผน การพัฒนาโครงการร่วมกัน อีก 3 ทำเล สำคัญ เช่น สุขสวัสดิ์ ,ราษฎรบูรณะ และ เลียบด่วนรามอินทรา โดยจะพิจารณารูปแบบโครงการ และจังหวะการเปิดตัวโครงการตามความเหมาะสมของสถานการณ์ตลาด โดยเฉพาะ โมเดล 'คอนโดติดห้าง' และ โครงการมิกซ์โปรดักส์ ซึ่งได้รับการตอบรับจากตลาดค่อนข้างดี ขณะการร่วมทุนจะทำให้บริษัทสร้างผลตอบรับได้ดีขึ้น
"การร่วมทุนกับยูซิตี้ เป็นการใช้ประโยชน์จากศักยภาพของที่ดิน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในทำเลที่สำคัญ ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีแผนมองหาที่ดินใหม่ๆ เพื่อนำมาพัฒนาโครงการต่างๆ โดยพิจารณาจากราคาที่เหมาะสม และสามารถนำมาสร้างกำไรได้ไม่ต่ำกว่า 35% "
ยูซิตี้ ย้ำความร่วมมือพัฒนาโครงการร่วม
ด้านนางสาวสรญา เสฐียรโกเศศ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน U เปิดเผยว่า บริษัทยังคงมีแผนพัฒนาโครงการร่วมกับ NOBLE อย่างต่อเนื่อง โดยจะเน้นการพัฒนาโครงการในรูปแบบมิกซ์ยูส (Mixed-Use) ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินให้กับ NOBLE เพิ่มเติม เพื่อจะพัฒนาโครงการร่วมกัน ทั้งนี้ ขนาดของที่ดินจะเริ่มตั้งแต่ 20 ไร่ขึ้นไป
พลิกที่ดิน 51 ไร่ คูคต ผุด โครงการ ' นิว ครอส คูคต สเตชัน ' ราคาเริ่ม 1 ล้านบาท ชู โหนดใหม่กรุงเทพโซนเหนือ
สำหรับ โครงการ นิว ครอส คูคต สเตชัน เป็นโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ล่าสุด จำนวน 1,202 ยูนิต ติดรถไฟฟ้าสถานีคูคต มูลค่าโครงการกว่า 2,007 ล้านบาท ซึ่งเป็นแผนพัฒนาเฟสแรก บนที่ดินจำนวน 51 ไร่ของยูซิตี้ ตาม แนวคิด “TOD” ซึ่งนางสาว อรนุช อิติโกศิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพัฒนาธุรกิจ บมจ. โนเบิล ระบุว่า ทำเลคูคต เป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญของโซนกรุงเทพฯ ตอนบน ด้วยรถไฟฟ้าสถานีสายสีเขียว เดินทางสะดวก เชื่อมใจกลางเมือง
ทั้งนี้ โนเบิลฯ จึงเล็งเห็นถึงศักยภาพในการพัฒนาพื้นที่ที่ไม่ใช่เพียงตัวโครงการ แต่รวมไปถึงผู้อยู่อาศัยในชุมชนโดยรอบ โดยนำร่องด้วยโครงการคอนโดมิเนียม นิว ครอส คูคต สเตชัน พร้อมกันนี้ยังวางแผนเตรียมที่ดินขนาดกว่า 3.5 ไร่ ติดสถานีรถไฟฟ้า ดึงพันธมิตรลงทุนพัฒนาไลฟ์สไตล์ มอลล์ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับย่านคูคต สู่การเป็นจุดศูนย์กลางของการอยู่อาศัยแห่งใหม่ ด้วยราคาขายเฉลี่ย 60,000 บาทต่อตร.ม. หรือ เริ่มต้น 1 ล้านบาท ขนาดห้องพักตั้งแต่ 22-35 ตร.ม. รูปแบบโครงการ เป็นคอนโดมิเนียม Low -Rise จำนวน 8 ชั้น 4 อาคาร และอาคาร 7 ชั้น 2 อาคาร รวมทั้งหมด 1,202 ยูนิต ซึ่งในช่วง 23 เมษายนที่ผ่านมา ได้เปิดขายรอบ Early Bird จำนวน 2 อาคาร มียอดขายแล้วประมาณ 70% ขณะที่ดินที่เหลือ อยู่ระหว่างพิจารณารูปแบบ คาดจะพัฒนาแล้วเสร็จทั้งสิ้นในระยะ 10 ปี
เชื่อ คูคต มูลค่าที่ดินโต 15% ต่อปี
สำหรับทำเลย่านคูคตนั้น นางสาว อรนุช กล่าวว่า เป็นย่านที่มีความต้องการด้านที่อยู่อาศัยหนาแน่น สะท้อนจากยอดผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าสถานีต้นทาง คูคต (สายสีเขียว) หลังจากเปิดให้บริการสูงเป็นอันดับต้นๆ จากทุกสถานี โดยกลุ่มลูกค้า แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม 1.คนรุ่นใหม่ ที่มองหาที่อยู่อาศัยหลังแรก 2.พ่อแม่ผู้ปกครองในพื้นที่ ที่อยากซื้อคอนโดฯให้บุตรหลาน และอยากเก็บเป็นทรัพย์สิน 3.กลุ่มนักลงทุนคอนโดฯ ที่มองหาโครงการคอนโดฯติดรถไฟฟ้า เนื่องจากด้วยราคาขายต่ำ แต่อัตราการปล่อยเช่า สามารถทำราคาได้ใกล้เคียงกับทำเลที่ขยับเข้ามา จึงสร้างส่วนต่างผลตอบแทนการลงทุนได้มากถึง 7%ต่อปี นอกจากนี้ยังเชื่อว่า หากโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งจำนวน 51 ไร่ จะกลายเป็นเมืองที่อยู่อาศัยสำคัญของโซนเหนือ กทม. และเพิ่มมูลค่าให้กับที่ดินโดยรอบไม่ต่ำกว่าปีละ 15%
"เดิมย่านคูคต เป็นตลาดของโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ โครงการนี้เป็นการปักโหนดใหม่ สร้างความเจริญให้กับพื้นที่ ซึ่งเมื่อโครงการแล้วเสร็จ คาดว่าจะทำให้มูลค่าของที่ดินเพิ่มขึ้นอย่างต่ำ 15% ต่อปี และเรียกแขกให้ผู้พัฒนารายอื่นๆเข้ามาในพื้นที่ เชื่อ 5-10 ปี จะพลิกโฉมเป็นย่านที่สำคัญในอนาคต "
สำหรับ บมจ.โนเบิล ปี 2565 วางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น จำนวน 18 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 47,700 ล้านบาท ซึ่งติด TOP 5 ของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไทย พร้อมวางเป้ายอดขาย (Pre-sale) ไว้ที่ระดับ 28,000 ล้านบาท และรายได้ที่ระดับ 11,000 ล้านบาท เติบโตจากผลงานปี 2564 ที่ทำรายได้ รวม 7,430 ล้านบาท
โดยช่วงต้นปี 2565 ที่ผ่านมา “NOBLE” ได้เปิดตัวโครงการพร้อมกัน 5 โครงการ ประกอบด้วย โครงการนิว โนเบิล ดิสทริค อาร์ 9 โครงการนิว โนเบิล เมกา พลัส บางนา และโครงการนิว โนเบิล ซี-สแควร์ สวนหลวง สเตชั่น ซึ่งทั้ง 3 โครงการเป็นโครงการติดห้างสรรพสินค้า นอกจากนี้ ยังมีโครงการนิว โนเบิล อีโว อารีย์ และโครงการนิว โนเบิล คอนเน็กซ์ คอนโด ดอนเมือง ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สะท้อนจากยอดขายสองเดือนแรกสำหรับ 5 โครงการรวมมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท และรวมยอดขายจากทุกโครงการเป็นมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท