24 กุมภาพันธ์ 2566 – นับเป็นก้าวที่น่าจับตามอง สำหรับ เนอวานา ไดอิ ที่ประกาศแผนธุรกิจ ว่า ปี 2566 บริษัทจะ เปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด ภายใต้เป้ายอดขายปีนี้ 8,500 ล้านบาท
นายศรศักดิ์ สมวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) หรือ NVD เปิดเผยถึง ทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2566 ว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะเดินหน้าขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างเต็มรูปแบบ หลังจากการปรับโครงสร้างองค์กรในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ได้แล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยในปีนี้บริษัทฯ เตรียมงบลงทุน 4,370 ล้านบาท เพื่อเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ ทั้งบ้านเดี่ยว ทาว์นโฮมและคอนโดมิเนียม จำนวน 9 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 21,100 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนโครงการใหม่ที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท โดยโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวยังคงมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายในตลาดระดับบนเป็นหลัก พร้อมกันนี้ บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ทั้งแนวราบและแนวสูง เพื่อให้ครอบคลุมกับความต้องการที่อยู่อาศัยในแต่ละเซกเม้นท์อีกด้วย
“ปี 2566 นี้ จะเป็นปีที่เนอวานาเก็บเกี่ยวสิ่งที่เราได้เตรียมความพร้อมสำหรับการดำเนินธุรกิจในทุกด้านและลงทุนซื้อที่ดินใหม่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เรามั่นใจในตลาดที่อยู่อาศัยระดับบนที่ยังคงมีความต้องการอย่างต่อเนื่องและมีศักยภาพในการเติบโตหลังวิกฤตโควิด เราพร้อมเปิดตัวโครงการใหม่รวม 9 โครงการ โดยตั้งเป้ายอดขายรวม 8,500 ล้านบาท ซึ่งเติบโตอย่างก้าวกระโดดกว่า 160% จากปีก่อนหน้านี้ และรายได้ 4,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75%”
โครงการที่อยู่อาศัยที่จะเปิดตัวใหม่ทั้ง 9 โครงการ มูลค่ากว่า 21,100 ล้านบาท เป็นโครงการในระดับลักชัวรี (Luxury Segment) ที่จะมีแบรนด์ตอบสนองความต้องการของผู้ซื้อบ้านในหลากหลายเซกเม้นท์ ตั้งแต่ อัลตร้าลักชัวรี (Ultra-luxury) ซุปเปอร์ ลักชัวรี (Super Luxury) โมเดิร์น ลักชัวรี (Modern Luxury) โมเดิร์น ไฮเอนด์ (Modern High-end) ไปจนถึง โมเดิร์น ไฮเอนด์ ที่จับต้องได้ (Affordable Modern High-end)
ปักหลัก ทำเล "กรุงเทพกรีฑา" ปั้นเมือง 200 ไร่
นายศรศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เนอวานา ยังคงมุ่งเน้นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในย่านกรุงเทพกรีฑาเป็นหลัก เนื่องจากเป็นทำเลของที่อยู่อาศัยในระดับบนที่มีการเติบโตอย่างสูง เปรียบเสมือน “เบเวอร์ลี ฮิลล์ ของกรุงเทพ” ซึ่งถือเป็นทำเลศักยภาพของการอยู่อาศัย สามารถเชื่อมต่อกับถนนหลักเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นในได้หลายเส้นทาง เช่น ใช้เส้นทางทางด่วนถนนพระราม 9 สำหรับการเข้าถึงโครงข่ายระบบรางด้วยรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และแอร์พอร์ตลิงค์ อีกทั้งยังมีโครงข่ายถนนวงแหวนรอบนอกและมอเตอร์เวย์ ใช้เดินทางไปยังโซนอื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ โรงเรียนนานาชาติ โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้าชั้นนำและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ บริษัทฯ มีที่ดินอยู่ในบริเวณกรุงเทพกรีฑากว่า 200 ไร่ ในโครงการเนอวานา ทาว์นชิพ (Nirvana Township) ซึ่งประกอบไปด้วย โครงการที่อยู่อาศัยระดับอัลตราลักชัวรี โครงการที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ และ พรีเมี่ยมโฮมออฟฟิต พร้อมทั้งยังสร้างไลฟ์สไตล์มอลล์ ที่มีทั้งซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านค้าระดับไฮเอนด์ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ บริเวณด้านหน้าโครงการ เพื่อเติมเต็มการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโครงการเนอวานา ทาว์นชิพแห่งนี้
ในปีที่ผ่านมา เนอวานาให้ความสำคัญกับการรีฟอร์มในหลายๆด้าน ทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ซื้อบ้านให้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีการซื้อที่ดินใหม่เข้ามาเป็นแลนด์แบงก์สำหรับพัฒนาโครงการในอนาคต โดยบริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้นเท่ากับ 2,569 ล้านบาท และยอดขายรวม 3,260 ล้านบาท ในปี 2565 ซึ่ง 87% ของยอดขายมาจากบ้านแนวราบและ 13% มาจากคอนโดมิเนียม มีการเปิดตัวโครงการใหม่ 2 โครงการ คือ เนอวานา แอปโซลูท บางนา (Nirvana Absolute Bang Na) และเนอวานา ดีฟายน์ เอกมัย-รามอินทรา (Nirvana Define Ekkamai-Ramintra) ซึ่งสามารถทำยอดขายรวมกันได้ 720 ล้านบาท ในเวลาเพียง 2 สัปดาห์
" เนอวานา จะเดินหน้าพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ ด้วยการทุ่มเทในการทำงานเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้ซื้อบ้าน โดยใช้ประสบการณ์ในการพัฒนาที่อยู่อาศัยในระดับบนมากว่า 25 ปี พร้อมกันนี้เนอวานาจะมีการเปิดตัวแบรนด์แคมเปญใหม่ ภายใต้ I FOUND MYSELF IN NIRVANA ซึ่งเป็นการสะท้อนจุดแข็งของแบรนด์ในด้านทำเลที่ตั้ง ที่ตั้งใจเลือกอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพและการเติบโตสูง ซึ่งทำเลที่มีศักยภาพนั้นนำมาซึ่งความสะดวกสบายในการเดินทาง มีสิ่งอำนวยความสะดวก ความปลอดภัยของบุตรหลาน ราคาที่ดินที่มีแนวโน้มสูงขึ้น และสามารถเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าเหมาะกับการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นได้ ประกอบกับการดีไซน์ที่เน้น คอนเซ็ปต์ Modern Luxury การแบ่งสเปซที่ทำให้เกิดความเป็นส่วนตัว สำหรับการใช้งาน และมีพื้นที่สำหรับการสร้างความสัมพันธ์กับสมาขิกในครอบครัว เพื่อสร้าง family bonding อย่างลงตัว"