ปมร้อน กรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง นำหลักฐานที่เป็นเอกสารที่เกี่ยวกับตัวบุคคล ซึ่งเป็นผู้ที่ซื้อที่ดิน ย่านทองหล่อ ซอย 12 มูลค่าหลายร้อยล้านบาท เป็นเพียงแม่บ้าน และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทบริษัท แห่งหนึ่ง (เอ็นแอนด์เอ็น แอสเซ็ท จำกัด) นำเงินไปไถ่ถอนจำนองที่ดินย่านทองหล่อ กับธนาคาร (แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ) จำนวน 465 ล้านบาท ปรากฏชื่อผู้รับจำนองต่อเป็นบริษัทอีกบริษัทหนึ่ง (บริษัท อาณาวรรธน์ จำกัด) ที่มีชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย เป็นหนึ่งในกรรมการบริษัท
โดยนายชูวิทย์ อ้างว่าเป็นบริษัทนอมินีในเครือนายเศรษฐา และพบว่ามีการทำสัญญากู้จำนวน 1,000 ล้านบาท เพื่อนำมาซื้อที่ดินต่อจากบริษัทที่มีแม่บ้านถือหุ้นอยู่ จำนวน 565 ล้านบาท และในเวลาต่อมาพบว่าบริษัทใหญ่ที่นายเศรษฐา เป็นกรรมการบริษัท ได้ซื้อที่ดินต่อจากบริษัทนอมินี เป็นจำนวนเงิน 1,000 ล้านบาท ทำให้มีส่วนต่างจากเงินที่ซื้อขายจริง เป็นจำนวน 435 ล้านบาท นั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย อดีตซีอีโอ บมจ.แสนสิริ ออกมาทวิตว่า ตามที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้ออกมาแถลงข่าวเกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินแปลง สุขุมวิท 55 ที่ปัจจุบันคือโครงการ คุณ บาย ยู และทางบริษัทแสนสิริได้ออกแถลงการณ์ข้อเท็จจริงแล้วนั้น
"ผม นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตเคยบริหารแสนสิริมากว่า 30 ปี บริษัทฯ ผ่านวิกฤตมาหลายครั้ง โดยที่ยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งจนเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์แนวหน้าของประเทศ เติบโตมาจนมีทรัพย์สินรวมเกือบ 130,000 ล้านบาท และมีกำไรมากกว่า 4,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา"
รวมถึงการได้รับการยอมรับ เชื่อถือ จากทั้งลูกค้า ผู้ถือหุ้น และสังคมทั่วไป น่าจะเป็นเครื่องยืนยันได้ระดับหนึ่งว่าบริษัทแสนสิริได้ถูกบริหารอย่างมีธรรมาภิบาล การตรวจสอบจากทุกฝ่ายนั้นเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ และพร้อมให้ตรวจสอบ แต่การตรวจสอบจะต้องสร้างสรรค์ และทำด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์ มีข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง และไม่บิดเบือน หรือนำเสนอข้อมูลอันเป็นเท็จ ในขณะที่ผมเป็นผู้บริหารบริษัทฯ
ที่ดินแปลงสารสินซื้อมาตามราคาตลาดที่เหมาะสม ส่วนที่ดินแปลงทองหล่อซื้อมาในราคา ตารางวาละ 1,100,000 บาท ซึ่งเป็นราคาตลาดตามปกติในขณะนั้น การกระทำใดๆ ที่บิดเบือน ไม่เป็นความจริง ฝ่ายกฎหมายจะรวบรวมข้อมูลเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง และต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมจนถึงที่สุดอย่างแน่นอน การที่ฝ่ายกฎหมายของบ้านเมืองเข้ามาตรวจสอบ เป็นเรื่องที่ถูกต้องและพึงกระทำ แต่การที่บุคคลหนึ่งปลุกปั่น ตั้งสมมติฐานขึ้นมาเอง โดยมีเป้าหมายบางประการ เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง