จากกำลังซื้อกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-ล่าง ถูกปฏิเสธสินเชื่อสูงส่งผลให้ผู้ประกอบการายใหญ่หันมาเจาะตลาดบนหรือกลุ่มกำลังซื้อสูงกันมาก รวมถึงกลุ่มต่างชาติประกอบธุรกิจในไทยและประเทศเพื่อนบ้าน แม้ตลาดกลุ่มนี้มีไม่มากเมื่อเทียบกับผู้เล่นในตลาดแต่มองว่าหากแต่ละค่ายสามารถตอบโจทย์ ให้ตรงใจผู้ซื้อ เชื่อว่าสร้างผลกำไรที่ดีได้ โดยเฉพาะการค้นพบกำลังซื้อกลุ่มคนรุ่นใหม่ ประกอบธุรกิจส่วนตัวเติบโตในโลกออนไลน์ ที่พบมากในช่วงสถานการณ์โควิดและคนกลุ่มนี้กำลังขยายฐานเป็นวงกว้างขึ้น
นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าหลังประสบความสำเร็จในช่วงครึ่งปีแรก สามารถสร้างรายได้และผลกำไรเติบโตในทางที่ดี ล่าสุดบริษัท วางแผน ในช่วงครึ่งปีหลัง เปิดโครงการใหม่ได้อย่างเต็มที่โดยจะเดินหน้าเปิด 9 โครงการ มูลค่ารวม 13,250 ล้านบาทซึ่งยังคงเน้นตลาดแนวราบและกระจายในทุกเซกเม้นต์
ขณะเดียวกันยังเน้นทำการตลาดสินค้ากลุ่มลักซ์ชัวรี่ที่อยู่ใกล้โรงเรียนนานาชาติชั้นนำซึ่งบริษัทมีโครงการบ้านหรู 6 โครงการในแบรนด์ “เพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ”และ “เลค เลเจนด์”ที่สามารถรองรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยในทำเลใกล้โรงเรียนนานาชาติ ซึ่งมีดีมานด์เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนพร้อมกันนี้ยังมีการพัฒนาแบบบ้านรุ่นใหม่ในโครงการเดิมรวมทั้งมีแผนการตลาดและส่งเสริมการขายอย่างเข้มข้น”สำหรับธุรกิจโรงแรมของกลุ่มบริษัทมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะโรงแรมในกรุงเทพ ซึ่งมีอัตราเข้าพักเพิ่มสูงขึ้น โดย 6เดือนแรกของปีนี้อัตราเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 70% เทียบกับปีก่อนที่อยู่ในระดับ35%ขณะที่โรงแรมในต่างจังหวัดยังคงได้รับความนิยมจากคนไทยที่ท่องเที่ยวในประเทศ โดยอัตราเข้าพักเฉลี่ย 6 เดือนแรกของปีอยู่ที่ 50% อย่างไรก็ตามคาดการณ์ว่ารายได้จากธุรกิจโรงแรมทั้งปีนี้ จะมากกว่าปีก่อนถึง 57%
โดยเป็นผลพวงมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในครึ่งปีหลังซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว
ส่วนหนึ่งของโครงการใหม่ ที่กำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในครึ่งปีหลังเพอร์เฟค พาร์ค บางใหญ่ (2) มูลค่าโครงการ 2,100 ล้านบาทเพอร์เฟค พาร์ค แจ้งวัฒนะ-ราชพฤกษ์ มูลค่าโครงการ 1,150 ล้านบาทเบลล่า เดล มอนเต้ เขาใหญ่ (2) มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทในครึ่งปี 2566 บริษัท พร็อพเพอร์ตี้เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า ตลาดปรับตัวดีขึ้นมีการฟื้นตัวในทุกหมวดธุรกิจส่งผลให้ครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้จากการดำเนินงาน 4,958 ล้านบาท เพิ่มขึ้น17.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยเป็นการเติบโตจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 0.3%จากธุรกิจโรงแรมซึ่งเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมากที่ 125.2%และจากธุรกิจให้เช่าและบริการอีก 56.0%ในส่วนของอัตรากำไรขั้นต้น ปรับตัวแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 35.7%เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 25.5%
ครึ่งปีแรกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีกำไรขั้นต้น 33.3% เทียบกับปีก่อนที่29.4% ธุรกิจโรงแรมฟื้นตัวอย่างชัดเจนที่ระดับ 48.2%เทียบกับครึ่งปีแรกของปีก่อนที่ 6.3% และธุรกิจให้เช่าและบริการ ทำได้9.7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ -1.1% อีกทั้งยังมีส่วนแบ่งกำไรจากโครงการร่วมทุนเข้ามาอย่างมีนัยยะ เป็นจำนวน116 ล้านบาท เป็นบวกเมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปี 2565 ที่มีผลขาดทุนที่ 42ล้านบาท
สำหรับรายได้จากการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่13,000 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 9,600 ล้านบาทธุรกิจโรงแรม 2,850 ล้านบาท และธุรกิจเช่าและบริการ 550 ล้านบาท นอกจากนี้ยังจะมีรายได้จากโครงการร่วมทุนอีก 5,000 ล้านบาท