เศรษฐกิจจังหวัดภูเก็ตฟื้นตัว ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กลับมาคึกคัก จากการมาของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ รัฐบาลยกเลิกวีซ่าชั่วคราวสำหรับจีนและคาซัคสถาน เชื่อว่าจะเป็นผลดีในพื้นที่ แม้ที่ผ่านมาจะได้รับผลกระทบรุนแรงถึงสองครั้งใหญ่ไม่ว่าจะเป็น “สึนามิ” และโควิด-19 โดยเฉพาะสถานการณ์หลัง โรงแรมน้อยใหญ่ถูกปิดตัวลงมากกว่า 90% แต่ด้วยศักยภาพความมหัศจรรย์ของเมืองชายทะเล แหล่งท่องเที่ยวระดับโลกแห่งนี้ จึงไม่ยากเย็นนักที่จะมีการเดินทางหลั่งไหลกลับมาเป็นจุดหมายปลายทางของใครหลายคน รวมทั้งบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่
เช่นเดียวกับ “มอนท์เอซัวร์” อาณาจักรซูเปอร์ไฮเอ็นด์มิกซ์ยูสริมทะเลของไทยและเอเชีย บนเนื้อที่ 454 ไร่ มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาททำเลศักยภาพ ติดหาดกมลา ตำบลกมลา อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต ที่ดินแปลงใหญ่ผืนสุดท้ายอยู่ถัดจากหาดสุรินทร์ไปทางใต้ โอบล้อมด้วยทะเลและขุนเขาเห็นวิวแบบพาโนรามาและ เจาะอุโมงค์เชื่อมแปลงโครงการที่อยู่คนละฝั่งถนนให้ไปมาหาสู่กันอย่างสะดวก
หาดกมลา จะแตกต่างจากที่อื่น ตรงที่ไม่มีถนนเลียบชายหาด มีเพียงซอยขนาดเล็กที่ตัดจากถนนใหญ่มาลงที่ชายหาดและเต็มไปด้วยที่พักอาศัยโรงแรมหรูหรา ร้านอาหาร แหล่งความบันเทิงชั้นนำอำนวยความสะดวก เชื่อมทะลุถึงกันจุดเด่นของชายหาดแห่งนี้ มอนท์เอซัวร์ ได้กรรมสิทธิ์ โฉนดที่ดินถือครอง มีหาดส่วนตัวทอดยาวขนานไปกับโครงการ ถึง 250 เมตร จากชายหาดกมลาที่มีความยาวทั้งหมด 2กิโลเมตร
ส่งผลให้ต่างชาติยกย่อง “มอนท์เอซัวร์” เป็นสุดยอดชุมชนริมชายทะเลของไทยและเอเชีย หากพัฒนาเต็มพื้นที่ ในอีกไม่กี่ปีข่างหน้าเชื่อว่า จะเป็นแม่เหล็กดึงนักท่องเที่ยวทั่วโลกเข้ามาใช้ชีวิตติดหาดอย่างครบวงจร เพราะเป็นทำเลได้รับความนิยมสูง หลัง ป่าตอง กะตะ กะรน เริ่มหนาแน่น และมีการบุกเบิกพัฒนาทำเลใหม่ มาทางหาดสุรินทร์และกมลา
ย้อนไปเมื่อ11ปีก่อน เบื้องหลังความสำเร็จ ของโครงการ เกิดจากพันธมิตร 3 กลุ่ม ได้แก่ The Narai Group หรือ นารายณ์กรุ๊ป (ไทย) ถือหุ้นใหญ่กว่า50% ARCH Capital (ฮ่องกง) และ Philean Capital (สิงคโปร์) เครือ Pontiac Land Group ซื้อที่ดินผืนใหญ่ ยกแปลงต่อมาจาก “บีทีเอสกรุ๊ป” วางผัง โครงการ ทยอยพัฒนาเรื่อยมานอกจากมอนท์เอซัวร์จะพัฒนาเองแล้ว ยังดึงพันธมิตรเข้าพื้นที่
อย่างนักลงทุนรายใหญ่ที่เข้ามาซื้อที่ดินพัฒนา ได้แก่ โรงแรมอินเตอร์คอนฯ ของพราวกรุ๊ป, โอเทียม ลีฟวิ่งภูเก็ตของนายณ์ เอสเตท บริษัทลูกนารายณ์ กรุ๊ป ร่วมทุนกับ บมจ.ชีวาทัย บมจ.แอลพีเอ็น (LPN) และบมจ.ช.การช่าง (CK) รวมถึง วี วิลล่าภูเก็ต เอ็มแกลลอรี่ โฮเทล คอลเลคชั่น ของ บริษัท วิชยะภูเก็ต จำกัด ตระกูลพูลวรลักษณ์ คาเฟ่เดลมาร์ ธุรกิจส่วนตัวของ นางศุภลักษณ์ อัมพุช แม่ทัพใหญ่เดอะมอลล์กรุ๊ป และนักลงทุนรายล่าสุด บริษัท โบทานิก้า ลักเซอรี่ ภูเก็ต
ขณะมอนท์เอซัวร์เองได้พัฒนาทวินปาล์ม เรสซิเดนซ์ มอนท์เอซัวร์ ฯลฯ ขณะราคาที่ดินขยับสูงอยู่ที่ไร่ละ70 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงสถานการณ์โควิด
นาย เศรษฐพล บุตรโท กรรมการบริหาร “มอนท์เอชัวร์ ระบุว่า ภูเก็ตกลับมาฟื้นตัวเร็ว ที่ 85% ซึ่งสูงกว่ากรุงเทพมหานคร ส่งผลให้มีนักลงทุนเข้าพื้นที่กันมาก ปัจจุบัน มอนท์เอซัวร์ มีการพัฒนาต่อเนื่องมีการบริการ ทั้งโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว บีช คลับและมีความหลากหลายบนบริเวณหน้าหาดที่ลูกค้าเลือกใช้บริการ สามารถลองสิ่งใหม่ๆได้ไม่รู้เบื่อ ที่สำคัญ “ทวินปาล์มเรสชิเดนซ์” ประสบความสำเร็จ เห็นวิวทุกมุมห้อง จำนวน 73 ยูนิตบนพื้นที่ 9 ไร่ ปัจจุบันเหลือเพียง1 ห้อง กุญแจสู่ความสำเร็จ คอนโดมิเนียมติดหาดซึ่งที่ดินหายากยิ่ง สระว่ายนํ้าขนาดใหญ่ เดินเชื่อมต่อคลับเฮ้าส์ เพื่อพักผ่อนโดย มีสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับครบครัน ฯลฯ
ส่วนพื้นที่ด้านในที่พาเดินสำรวจ จะเป็นโครงการเอ็ม แกลเลอรี เรสซิเดนซ์ มอนท์เอชัวร์ อยู่ระหว่างก่อสร้าง เรสซิเดนซ์ ระดับลักชัวรี มียอดขายไปแล้วกว่า 50% และเปิดให้บริการในปีหน้า ที่ดินถัดไปซึ่งอยู่ไม่ห่างกันมากนัก และมีลักษณะเป็นที่ราบเชิงเขา ด้านบนมองเห็นวิวทะเลแบบ 360 องศา ล่าสุด มีพันธมิตร รายใหญ่ในภูเก็ต บริษัท โบทานิก้า ลักซูรี่ ภูเก็ต จำกัด มีแผนพัฒนา โครงการบ้านลักชัวรี พูลวิลล่า มูลค่า 2,600 ล้านบาท เติมเต็มมอนท์เอซัวร์ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
นายอรรถสิทธิ์ อินทรชูติ ประธานกรรมการบริหารบริษัท โบทานิก้า ลักเซอรี่ ภูเก็ต จำกัด ระบุว่าการร่วมมือกับมอนเอชัวร์ แนวคิดทำ ลักชัวรี พูลวิลล่า มองเห็นโอกาสผ่านการนั่งพูดคุยร่วมกันทำให้ทราบว่า มีแนวความคิดไปในทิศทางเดียวกันที่ดินเป็นแปลงขนาดใหญ่บนเชิงเขาเห็นวิวทะเล เป็นแนวที่ถัดและได้รับการตอบรับจากลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติ
ที่ผ่านมา ได้พัฒนาบ้านลักชัวรี พูลวิลล่า นานกว่า 20 ปี ปัจจุบันมี 20 โครงการ 500 ยูนิตราคา หลัก อยู่ที่ 40-150 ล้านบาท มูลค่ากว่าหมื่นล้านบาททำเลส่วนใหญ่อยู่ บริเวณล่ากูน่าเชิงทะเล หาดบางเทาเป็นหลัก กลุ่มลูกค้าหลักจะเป็นต่างชาติ 95% ส่วนใหญ่ซื้อเพื่ออยู่อาศัย และเมื่อรวมโครงการใหม่ ที่มอนท์เอซัวร์แล้ว จะมีมูลค่ารวมทั้งหมด 2 หมื่นล้านบาท ราคาขายต่อยูนิตอยู่ที่ 40-170 ล้านบาท ขนาด 800-1,000 ตารางเมตร
โบทานิก้าได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี สะท้อนจาก ปี 2565 ปิดการขายได้กว่า 5,500 ล้านบาท มองว่าลากูน่าเหมาะกับการเป็นที่อยู่อาศัย เพราะสะดวกใกล้ทะเล ร้านอาหาร ศูนย์การค้าเซ็นทรัล โรงเรียนนานาชาติ และสนามบิน ส่วนโซนหาดกมลา มอนท์เอซัวร์ภูเก็ต เป็นไพร์มโลเกชั่นระดับ ไฮเอ็นด์ ทำเลหายากในภูเก็ตมีที่ดินบนเนินเขาใกล้ทะเล และอยู่ท่ามกลาง แบรนด์ดังอย่างโรงแรมอินเตอร์คอนคาร์เฟ่เดอร์มา ฯลฯ และสิ่งที่ต้องต่อยอดคือการดีไซน์