กว่า20ปีกับการเป็นเจ้าตลาด บ้านพักตากอากาศ และโรงแรมสุดหรู แบบพูลวิลล่า บนเกาะภูเก็ต สำหรับ “ศรีพันวา” อาณาจักรใหญ่บริษัทชาญอิสสระ จำกัด แบรนด์ที่คนรู้จักมากที่สุด และรับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน5รีสอร์ทชั้นนำของประเทศไทยรวมถึงได้รับการคัดเลือกให้เป็นโรงแรมที่มีเสน่ห์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกตั้งอยู่บนหาดส่วนตัวปลายสุดของแหลมพันวา ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะภูเก็ตเนื้อที่ 85 ไร่
ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องหลังผ่านช่วงสถานการณ์ โควิด การเดินทางกลับมาของนักท่องเที่ยว ส่งผลให้ ภูเก็ตคึกคักมีดีเวลลอปเปอร์ ซื้อที่ดินพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยกันมากขึ้นเช่นเดียวกับ “ชาญอิสระ” นำที่ดินรอพัฒนา 2 ไร่ แปลงสุดท้ายภายในโครงการศรีพันวา สร้าง โปรเจ็กต์ “The Sky Series” วิลล่าเจาะกลุ่มเศรษฐีไทยและต่างชาติ จำนวน 4 หลัง มูลค่า1,000 ล้านบาท ในราคายูนิตละ 250 ล้านบาทรองรับความต้องการตลาดลักชัวรีที่เติบโตดีต่อเนื่องในภูเก็ต
“ศรีพันวา2”มิกซ์ยูสหมื่นล้าน
นายดิฐวัฒน์ อิสสระ กรรมการ บริษัท ชาญอิสสระ เรสซิเดนซ์ จำกัด ให้สัมภาษณ์ว่า นอกจากการพัฒนาวิลล่า 4 ยูนิต ในโครงการศรีพันวาแล้ว บริษัทยังมีแผนพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสบนเกาะภูเก็ตรูปแบบมิกซ์ยูสโปรเจ็กต์ที่ 2 แบรนด์ศรีพันวาในปี 2567 ทั้งโรงแรมหรูและวิลล่าบนที่ดินกว่า 70 ไร่ ที่ เชิงทะเลทำเลศักยภาพกลางชุมชนใหญ่ใกล้เซ็นทรัลมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาทซึ่งจะเป็นโครงการคนละรูปแบบจากศรีพันวา โครงการแรก มีบรรยากาศอยู่กับทะเล มีชายหาดส่วนตัว แต่ศรีพันวาแห่งที่2 จะอยู่ในย่านชุมชนแต่ยืนยันว่าเป็นทำเลที่สวยงามมาก
“อยู่แถวชุมชนหนาแน่น มีคนมากๆ ที่จะทำเป็นโปรเจ็กต์ที่2 เป็นมิกซ์ยูสปีหน้าแบนศรีพันวา มีหลายโปรเจ็กต์ในนั้นผู้พัฒนาอยู่ ในเครือชาญอิสสระ”
นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดโครงการในพื้นที่กรุงเทพฯ ใจกลางเมืองและเมืองท่องเที่ยวต่างจังหวัด เมื่อรวมกับโครงการมิกซ์ยูสที่ภูเก็ต 70 ไร่ มูลค่า 1 หมื่นล้านแล้ว จะมี โครงการรวมทั้งหมด 4 โครงการ บนที่ดินรวม 123 ไร่ มูลค่า รวมกว่า 2 หมื่นล้านบาทที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบ ทำเลการออกแบบที่อยู่อาศัย โรงแรม ในสไตล์ของชาญอิสสระ
“ปีหน้าจะเปิดโครงการรวม 2 หมื่นล้านบาท และไม่ซื้อที่ดินเพิ่มแล้วเพราะเพิ่งได้ที่ดินมาที่ภูเก็ต ยอมรับว่าที่ดินทุกแปลงต้องเจรจาไม่กล้าประกาศโครงการออกไปเพราะต้องเคลียร์เรื่องที่ดินให้ได้ก่อน บางครั้งเหมือนจะเจรจาจบแล้วจะวางเงินกลับหลุด และเจรจายากมากแต่ปัจจุบันได้ที่ดินมาหมดแล้วขณะราคาที่ดินในภูเก็ตต้องยอมรับว่าสูงขึ้นเรื่อยๆ”
ตลาดลักชัวรีโต
นายดิฐวัฒน์ มองว่า ตลาด ภูเก็ตมีแนวโน้มเติบโตที่ดีต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ15-20%เนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยวติดอันดับโลก ที่ต่างชาติ คุ้นเคย ทั้งชาติยุโรปและเอเชีย แต่ต้องยอมรับว่า การมาของต่างชาติในขณะนี้ ยังไม่เป็นไปตามที่คาดไว้หรือยังมาไม่100% และคิดว่าจะทำอย่างไรเมื่อหมดช่วงไฮซีชันแล้ว จะให้ ภูเก็ต มีคนเข้ามาใช้ชีวิต ท่องเที่ยวจับจ่ายอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม บริษัท อยู่ในตลาดลักชัวรีมานาน และมองว่า ยังเป็นตลาดที่ดีกว่า กลุ่มที่อยู่อาศัยประเภทอื่น เพราะตลาดในกลุ่มนี้มีการเติบโตสูงและมีความต่อเนื่องจากกำลังซื้อทั้งคนไทยและต่างชาติและไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิเสธสินเชื่อ ขณะความหวังรัฐบาล ทำอย่างไรก็ได้ให้เศรษฐกิจเติบโต แต่ต้องเข้าใจว่า รัฐบาลเพิ่งมีนโยบายมาสนับสนุน ในภาคท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตและทั่วประเทศ
“ตลาดภูเก็ตมันยิ่งใหญ่ แค่ติดท็อป 12 -13- 14 ในโลกถือว่า ดีมากแล้วขณะ คือกรุงเทพเข้าใจได้มีฐานที่ใหญ่มากแต่ภูเก็ตเป็นเก่าเล็กๆ เกาะเดียวแต่ติดอันดับโลกมองว่าสำคัญอย่างพัทยาชะอำ ระยอง กระบี่ มาแข่งคงยาก เพราะภูเก็ตติดกระแสบนแล้วมีหนัง ฮอลลีวูด มาถ่ายทำ”
อสังหาฯปีหน้ายังไม่สดใส
ปีหน้า (2567) นายดิฐวัฒน์มองว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภาพรวมยังไม่ง่ายการซื้ออาจชะลอตัวตามสถานการณ์เศรษฐกิจ แต่ยังโชคดีที่หลังจากช่วงโควิดผู้ประกอบการยังไม่ผลิตสินค้าออกสู่ตลาดมาก ดังนั้นสต็อกจึงไม่มากเกินไปหากเปรียบเทียบกับช่วง3-4 ปี ก่อน มีการแข่งขันเปิดตัวกันถล่มทลายหากปีนี้หรือปีต่อไปเป็นเช่นนี้ ตลาดอาจจะแย่กว่านี้ ในทางกลับกัน ตลาดชะลอตัวแต่ซัพพลายไม่มาก ดังนั้นจึงไม่กระทบมากนัก