นอกจากมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่ดีเวลลอปเปอร์รอความหวังแล้ว ยังมี ข่าวดีความตกลง “ วีซ่าไทย-จีนถาวร” ที่จะส่งผลดีต่อการหวนกลับมาของคนจีนซึ่งเป็นกำลังซื้อหลักคอนโดมิเนียม ในไทยมากขึ้นมุมสะท้อนของนายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ จำกัด ผู้วิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์ ไทย ระบุว่า ช่วงต้นปี2567 มีคนจีนเดินทางเข้าประเทศไทยมากขึ้นแบบชัดเจนประมาณ 444,702 คน (ระหว่างวันที่ 1-28 มกราคม พ.ศ.2567) มากเป็นอันดับที่ 1 และมีแนวโน้มมากขึ้นต่อเนื่อง ในช่วงเทศกาลตรุษจีน
อย่างไรก็ตามทันทีที่มีการประกาศเรื่องฟรีวีซ่าถาวรอย่างเป็นทางการคนจีนมีการสืบค้นแหล่งข้อมูลท่องเที่ยวของไทยใน Ctrip.com เพิ่มกว่า 7 เท่า มีการค้นหาตั๋วเครื่องบิน โรงแรมในประเทศไทยมากขึ้นกว่า 6 เท่าเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า นั่นแสดงว่าปีนี้คนจีนจะมาประเทศไทยมากขึ้นแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้มีผลต่อตลาดคอนโดมิเนียมในประเทศไทยด้วย เพราะคนจีนเป็นกลุ่มผู้ซื้อหลักในตลาดคอนโดมิเนียมในประเทศไทย
ทั้งนี้ประเมินว่าคนจีนไม่ได้สนใจซื้อคอนโดมิเนียมหรืออสังหาริมทรัพย์แค่ในกรุงเทพมหานครเท่านั้น เพราะคนจีนมีการกระจายออกไปซื้อคอนโดมิเนียมในหลายจังหวัดทั่วประเทศไทยมากมาย เช่น ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ รวมไปถึงในสมุทรปราการด้วยที่พวกเขามีจำนวนการโอนกรรมสิทธิ์มาเป็นอันดับที่ 1 ในกลุ่มของผู้ซื้อชาวต่างชาติ นอกจากนี้ คนจีนยังเป็นกลุ่มที่ให้ความสนใจในการซื้อวิลล่าที่ภูเก็ต โดย อาจไม่มากเทียบเท่ากับคนรัสเซีย
แต่มีจำนวนที่มากพอที่ผู้ประกอบการในภูเก็ตจะให้ความสนใจ การที่ความสนใจของคนจีนที่มีต่อการมาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นเป็นผลดีต่อตลาดคอนโดมิเนียมและอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยแน่นอน และมีความเป็นไปได้ที่การโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมของชาวต่างชาติในปี 2567 จะมากกว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพราะก่อนหน้านี้ที่การเดินทางเข้า-ออกประเทศไทยไม่ได้สะดวกมากทั้งจากเรื่องของโควิด-19 และเรื่องการที่ต้องขอวีซ่าเข้าประเทศไทย คนจีนยังครองอันดับที่ 1 มาโดยตลอดเป็น 10 ปี หลังจากนี้ก็น่าจะมีจำนวนมากขึ้นแน่นอน
สำหรับภาพรวมตลาดคอนโด มิเนียมในประเทศไทยชะลอตัวลงตามการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจ โครงการเปิดขายใหม่ลดลงแบบชัดเจน และมีปัญหาในเรื่องของการขอสินเชื่อธนาคารของกลุ่มผู้ซื้อจำนวนมาก การโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมในประเทศไทยในปี2566 อาจจะดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ แต่ยังคงเทียบไม่ได้กับช่วงก่อนปี2563 ที่จำนวนการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมมากกว่าช่วงปี 2564-2566 แต่ประมาณ 10 -14% ของจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมในประเทศไทยช่วงหลายปีที่ผ่านมามีการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมของชาวต่างชาติอยู่ด้วย ซึ่งอาจจะมีลดลงบ้างแต่ก็เป็นไปตามภาวะต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งโลกไม่ได้เกิดจาก กำลังซื้อลดลงแต่อย่างใด
โดยช่วง 9 เดือนแรกของปี2566 ชาวต่างชาติโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมในประเทศไทยประมาณ 10,703 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 13.6% ของการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมดในประเทศไทย แต่ถ้าคิดเป็นมูลค่าคอนโดมิเนียมที่โอนกรรมสิทธิ์โดยชาวต่างชาติจะคิด เป็นสัดส่วนประมาณ 23.3% การโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมของชาวต่างชาติ เพิ่มขึ้นแบบชัดเจนในปี2566 เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้านี้ และชาวต่างชาติที่โอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมมากที่สุดในประเทศไทย คือ คนจีนโดยช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาของปี2566 คนจีนโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมในประเทศไทยไปแล้วประมาณ 4,991 ยูนิตหรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 47% ของจำนวนคอนโดมิเนียมที่โอนกรรมสิทธิ์โดยชาวต่างชาติ
แต่อาจจะมีสัดส่วนเพียง 10% ของจำนวนคอนโดมิเนียมทั้งหมดที่โอนกรรมสิทธิ์ในประเทศไทย แต่จำนวนคอนโดมิเนียมที่โอนกรรมสิทธิ์โดยคนจีนนั้นเป็นจำนวนที่น่าสนใจ ทำให้ผู้ประกอบการไทยพยายามเข้าถึงกลุ่มผู้ซื้อคนจีนให้ได้มากที่สุด และในวงกว้างมากที่สุด เพราะยังมีความมั่นใจว่าสามารถต่อยอดได้มากกว่าจำนวนเท่านี้แน่นอน เพราะประชากรจีนมีจำนวนมาก แม้ว่าประเทศจีนในช่วงนี้อาจจะมีปัญหาทางเศรษฐกิจก็ตาม
ขณะสถิติการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ในภาพรวม เห็นได้ชัดเจนว่า จำนวนการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยไม่ได้ลดน้อยลงหรือหายไปไหนยังคงมีการโอนกรรมสิทธิ์อยู่ต่อเนื่อง อาจจะลดลงเล็กน้อยประมาณ 3.8% ในปีที่ผ่านมาจากการคาดการณ์ของนอกจากนี้ช่วงที่ผ่านมามีเรื่องของสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่กว่าจะอนุมัติได้นั้นค่อนข้างยากแต่ถ้าไปพิจารณาจากข้อมูลของสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่อนุมัติใหม่มีการคาดการณ์ว่า ปี2566 สินเชื่อที่อยู่อาศัยจะได้รับการอนุมัติใหม่ทั่วประเทศไทยจำนวน 691,165 ล้านบาท ตํ่ากว่าปี 2565 ที่มีสินเชื่ออนุมัติใหม่ทั่วประเทศรวมทั้งหมด 698,072 ล้านบาท เพียงประมาณ 1% เท่านั้น
คาดการณ์ว่าปีนี้ อาจจะมีสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ได้รับการอนุมัติใหม่ประมาณ 700,150 ล้านบาทซึ่งจากข้อมูลที่เผยแพร่ออกมาแบบนี้ อาจจะค่อนข้างชัดเจนว่าความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศไทยยังมีอยู่แต่ก็มีส่วนที่มีปัญหาด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ซื้อที่มีกำลังซื้อไม่มาก ดังนั้นหากกลุ่มต่างชาติโดยเฉพาะจีนเข้ามามากขึ้นเชื่อว่าจะเป็น
นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าความตกลงกรณี ฟรีวีซ่า หรือการยกเลิกวีซ่าถาวร ไทย-จีน ถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อตลาดคอนโดมิเนียม ที่จะกลับมามากขึ้นจากช่วงปัจจุบัน และยอมรับว่า ดีมานด์คนจีนเริ่มกลับเข้ามา ทั้งระดับราคา 3 ล้านบาท ทำเลนอกศูนย์กลางธุรกิจ (ซีบีดี ) หรือกลุ่มที่มีกำลังซื้อ นิยมซื้อเพนท์เฮ้าส์ ที่ผ่านมาโครงการไซมิส เอ๊กซ์คลูซีพ ควีนส์ มีลูกค้าจีนเข้ามาเหมาซื้อเพนท์เฮ้าส์ จำนวน 12 ยูนิต ขนาด 150 ตารางเมตร ราคายูนิตละ 40 ล้านบาท มูลค่ารวม 500 ล้านบาท ทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมในประเทศไทยฟื้นตัวอีกครั้ง ท่ามกลางภาวะกลางกำลังซื้อในประเทศหดตัว
ที่ผ่านมาไซมิส แอสเสท มีคอนโดมิเนียมทำเลพระราม 9 ซึ่งเป็นทำเลที่คนจีนนิยม ปัจจุบันขายได้เดือนละ 30 ยูนิต เกือบ 50% เป็นชาวจีน ทั้งจีนแผ่นดินใหญ่, ฮ่องกง และ ไต้หวัน ส่วนที่เหลือเป็นคนไทย
อย่างไรก็ตาม จากนโยบายฟรีวีซ่าไทย-จีนถาวร ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ทำให้การเดินทางสะดวกขึ้น รวมถึงกลุ่มนักธุรกิจที่ต้องเดินทางไปจีน จากสถิติระบุว่า การเปิดฟรีวีซ่าจะทำให้มีคนเข้ามาในประเทศเพิ่มขึ้น 18%
ล่าสุดบริษัทฯ เปิดสาขาที่ฮ่องกง ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญในการลงทุน เพื่อให้การประสานงานการซื้อขายง่ายขึ้น รองรับลูกค้าที่มาจากจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง ไต้หวัน ที่มีจำนวนมากขึ้น ซึ่ง สินทรัพย์ของไซมิส แอสเสทไม่ได้แค่คอนโดมิเนียมแต่ยังมีโรงแรม ซึ่งตอบโจทย์การลงทุนต่างชาติ
ด้านนายชูรัชฏ์ ชาครกุลกรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า มาตรการฟรีวีซ่าไทยจีน มองว่าเป็นเรื่องที่ดี ช่วยกระตุ้นภาคท่องเที่ยว ขณะที่อสังหาฯได้อานิสงส์ เช่นเดียวกับ มาตรการกระตุ้น อสังหาฯ ที่มองว่าต้องการให้รัฐบาลสนับสนุนคือโครงการบ้านหลังแรกและโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยตํ่า เพื่อให้คนเข้าถึงที่อยู่อาศัย
นับตั้งแต่วันที่1มีนาคม นี้เป็นต้นไป กำลังซื้อคนจีนจะกลับมาคึกคักมากน้อยแค่ไหน จาก ฟรีวีซ่าไทย-จีน ถาวร ต้องจับตา !!!