โครงการอสังหาริมทรัพย์ ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง ล่าสุด แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เครือ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทยจับมือพาร์ทเนอร์ระดับโลก
พัฒนาโครงการมิกซ์ยูส “อมาธารา เรสซิเดนเซส ระยอง” พูลวิลล่าบนเนินเขาและวิวทะเลอ่าวไทยแห่งแรกในระยอง รับโครงสร้างพื้นฐาน รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา), สนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก รวมถึงท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 แม่เหล็กสำคัญดึงนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติเข้าพื้นที่ ที่ประเมินว่าจะสร้างความเจริญอย่างมากในอีก 4 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาฯ และภาคท่องเที่ยว บริการ
นายวิทวัส วิภากุล กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์ว่ามีความตั้งใจพัฒนาโครงการ “อมาธารา เรสซิเดนเซส ระยอง” ซึ่งตั้งอยู่บริเวณถนนเพ แกลงกรํ่า (หมายเลข 3145) อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ให้เป็นจุดหลายปลายทางการพักผ่อน เจาะกลุ่มลูกค้าไทยและต่างชาติ โดยจับมือ อมาธารา เวลเลชเชอร์ รีสอร์ต ผู้นำธุรกิจ Holistic Wellness ระดับ 5 ดาวที่มีชื่อเสียงจากภูเก็ตมาช่วยบริหารบริการเวลเนสในโครงการฯ
เพื่อร่วมปั้นอมาธารา เรสซิเดนเซส ระยอง ให้เป็นเวลเนสแลนด์มาร์กใหม่ระดับเวิลด์คลาสของระยอง และผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นฮับท่องเที่ยวด้านสุขภาพชั้นนำของโลก บนพื้นที่ 92 ไร่เศษ ทำเลศักยภาพเพียงผืนเดียว ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ด้านหน้าติดทะเลแหลมแม่พิมพ์ ซึ่งบรรยากาศมีลักษณะเด่นคล้ายคลึงกับภูเก็ต แต่เมื่อเทียบราคาแล้ว จับต้องได้
ขณะการเดินทางไประยองมีระยะทางห่างจากกทม. เพียง 180 กิโลเมตร ห่างจาก เขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด กว่า 10 กิโลเมตรซึ่งเป็นแหล่งรวมของนักธุรกิจชั้นนำเจ้าของโรงงานทั้งไทยและต่างชาติที่เป็นกลุ่มลูกค้าของโครงการ
นายวิทวัสถ่ายทอดความเป็นมาของที่ดินว่าชื่นชอบที่ดินผืนนี้มากเห็นแล้วตัดสินใจทันที เพราะที่ดินทั้งผืนมีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมเต็มพื้นที่กว่า 5,000 ต้น ไม่รวมไม้ขนาดเล็ก ที่เป็นทรัพยากรทางธรรมชาติลํ้าค่า โดยบริษัทให้ความสำคัญเรื่องของสิ่งแวดล้อมความเป็นกรีน เพื่อให้คนที่มาอยู่อาศัยได้ใกล้ชิดธรรมชาติ
เพราะปัจจุบันโลกร้อนขึ้นทุกวันและเต็มไปด้วยมลพิษ PM2.5 ดังนั้น การพัฒนาจะคงสภาพพื้นที่เดิมให้มากที่สุด ไม่มีการปรับที่ดินให้เป็นพื้นราบ แม้แต่การก่อสร้างโครงการ พูลวิลล่าแต่ละหลัง จะหลบหลีกต้นไม้ใหญ่ เพื่อลดการสูญเสียและให้คงเติบโตบนพื้นที่เดิมต่อไป
การออกแบบเน้นความเป็นเอกลักษณ์ของไทยแต่มีความทันสมัย โครงสร้างทั้งหลังทำจากไม้จริง มีความคงทนเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ผ่านกรรมวิธีการผลิต เป็นไม้รักษ์สุขภาพ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยอยู่ได้อย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดีและยืนยาวขณะเดียวกันยังสามารถซื้อเพื่อลงทุนได้หากไม่ได้อยู่อาศัยประจำ โดยการันตีผลตอบแทน 2 ปี 5%
การพัฒนาเป็นลักษณะค่อยเป็น ค่อยไป ไม่เร่งรีบ และมูลค่าที่ดินไม่สามารถประเมินได้เพราะมีความคุ้มค่าสูงหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วเรียกว่าเป็นไพร์ม แอเรีย จริงๆ ที่ผ่านมายอมรับว่าได้เดินหน้าโครงการไปก่อนหน้านี้แต่ปรากฏว่าเกิดสถานการณ์โควิด ส่งผลให้บริษัทชะลอโครงการออกไปและเดินหน้าโครงการอีกครั้ง และเปิดตัวโครงการในปีนี้ นอกจากนี้ยังตั้งใจพัฒนาที่นี่ให้เป็นศูนย์รวมแห่งการพักผ่อนมีการบริการตลอด 24 ชั่วโมง ท่ามกลางธรรมชาติป่าเขาและทะเล
การพัฒนา ประกอบด้วยส่วนของวิลล่า เวลเนส อนาคตจะพัฒนาคอนโดมิเนียมไฮไรส์ และโรงแรม5ดาว ในส่วนของที่อยู่อาศัยการพัฒนา แบ่งออกเป็นพูลวิลล่าริมชายหาด ซึ่งเป็นอาคารชุด 2 ชั้น ปัจจุบันแล้วเสร็จและพร้อมเข้าอยู่ทั้งสิ้น 9 หลัง 18 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 50-135 ล้านบาท
ส่วนพูลวิลล่าบนเนินเขาวิวทะเล อาคารชุด 2 ชั้นเช่นกัน คอนเซ็ปต์ “Sea to Sand” วิลล่าแต่ละหลังไล่ระดับลงมาจากเนินเขาจนถึงชายหาด มองวิวทะเลแบบพาโนรามาทุกยูนิต ตอบโจทย์ผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มองหาบ้านไว้รีชาร์จ ไม่ไกลจากกทม.ทั้งสิ้น 9 หลัง 18 ยูนิต ในราคาเริ่มต้น 39-50 ล้านบาท
ปัจจุบันลูกค้าที่สนใจส่วนใหญ่เป็นผู้บริหารระดับสูงในกทม.ซึ่งเป็นลูกค้าหลัก 80% ขณะต่างชาติจะเป็น เซี่ยงไฮ้ จีน ไต้หวัน เป็นต้น
นี่คือโครงการลักชัวรีแห่งแรกของระยองที่น่าจับตามอง