นายวรเดช รุกขพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี บียอนด์ ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เผยว่า รายได้ของวีบียอนด์ในปี 2566 ที่ผ่านมา มูลค่าราว 300 ล้านบาท กำไรทั้งสิ้น 112 ล้านบาท นับว่าสูงสุดตั้งแต่เปิดบริษัทเมื่อปี 2557 และวันที่ 28 พฤษภาคมนี้ วีบียอนด์ เตรียมที่จะยื่นข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวน (Filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก
โดยมีจำนวนหุ้น IPO ทั้งหมดที่เสนอขายให้นักลงทุนครั้งนี้จำนวน 230 ล้านหุ้น คิดเป็น 27.71% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
โดยมองเห็นโอกาสในการขยายตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอีก 3 ไตรมาสในปี 2567 เนื่องจากมีแนวโน้มโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มมากขึ้นนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี เป็นผลดีมาจากมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาฯ ที่ออกโดยภาครัฐ และยังคาดกว่าจะมีมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อจากต่างชาติออกมาอีกในอนาคต และมีเป้าหมายสำคัญในการระดมทุนเพื่อการขยายศักยภาพธุรกิจ
เพิ่มจำนวนสต๊อกสินค้ารอขาย ด้วยว่าผู้ประกอบการอสังหาฯ หลายรายจะครบวาระชำระหุ้นกู้ในปีนี้ ทำให้ผู้ประกอบการจะเร่งขายสต็อกสินค้า เพิ่มกระแสเงินสด จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ขยายศักยภาพทางการเงินของบริษัท เพื่อเพิ่มสต๊อกสินค้าราคาดี ตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 ไปจนถึงไตรมาสแรกปีหน้า
ทั้งนี้ ในปี 2567 วีบียอนด์มีเป้าหมายกำไรอยู่ที่ 300% คาดการณ์รายได้ราว 1,000% จากปีก่อน โดยในขณะนี้มีสต็อกอสังหาฯ ขายแล้วรอโอนกรรมสิทธิ์มูลค่าราว 4-5 พันล้านบาท และสินค้าบ้านมือสองในสต็อกประมาณ 100 ยูนิต มูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท ตั้งเป้าเพิ่มสต็อกสินค้าบ้านมือสองให้เป็น 700 ยูนิต และเป้าหมายระยะยาวภายใน 5 ปี ในการชิงส่วนแบ่งทางการตลาดธุรกิจบ้านใหม่ 3% มูลค่าราว 2.4 หมื่นล้าน ด้านธุรกิจบ้านมือสองมีการตั้งเป้าส่วนแบ่งอยู่ที่ 3% เช่นกัน
นอกจากนี้ วีบียอนด์ยังคาดการณ์อัตราการปฏิเสธสินเชื่อโดยสถาบันการเงินจะสูงขึ้น จึงได้ร่วมมือกับธุรกิจเกี่ยวกับเช่าซื้อสังหาริมทรัพย์ที่มีเงินทุนสำหรับปล่อยเช่าให้กับลูกค้าราว 3-4 พันล้านบาท เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่ประกอบอาชีพอิสระ และมีศักยภาพในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ โดยวางเงินดาวน์ 10-20% จากนั้นก็ผ่อนกับ Wealth Investment ซึ่งอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 8-15% เป็นระยะเวลา 3 ปี หลังจากนั้นสามารถดำเนินการยื่นเรื่องกู้กับสถาบันการเงินต่อไปได้