ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย ประเมินทิศทางของตลาดวิลล่าและคอนโดมิเนียมในภูเก็ตโดยเฉลี่ยทุกพื้นที่ของปี 2567 คาดว่าการเปิดฟรีวีซ่าในหลายๆ ประเทศจะส่งผลให้ความต้องการทั้งวิลล่าและคอนโดมิเนียมในรูปแบบเช่าทั้งระยะสั้นและระยะยาวเพิ่มขึ้น ขณะที่ที่ดินบริเวณที่ใกล้ทะเลและเป็นที่นิยมทั้งโซนบางเทาและเชิงทะเล
รวมถึงที่ดินติดหาดในบริเวณอื่นที่สำคัญจะมีราคาขายที่สูงขึ้น ทำให้ผู้พัฒนารายย่อยต้องขยับทำเลการพัฒนาโครงการไปยังบริเวณใกล้เคียงหรือห่างทะเลออกไป เนื่องจากไม่สามารถสู้กับผู้พัฒนารายใหญ่ที่มีต้นทุนที่ดีกว่าได้ ขณะที่ผู้ซื้อ ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความมั่งคั่งทางการเงิน จะสนใจซื้อวิลล่าในการอยู่อาศัยและซื้อคอนโดเพื่อการลงทุน
ขณะภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตในปี 2566 ที่ผ่านมามีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องทั้งตลาดวิลล่าและคอนโดมิเนียม สอดคล้องกับข้อมูลด้านการท่องเที่ยวในปี 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาในภูเก็ตจำนวน 8,376,464 ราย เพิ่มขึ้น 2.5 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2565 โดยชาวต่างชาติที่เข้ามามากสุดคือ มาเลเซีย รัสเซีย ยุโรป จีนและอินเดีย ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ทางรัฐบาลได้อนุมัติวีซ่าฟรีให้กับนักท่องเที่ยว ส่งผลให้ในช่วงปลายปีมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในภูเก็ตมากขึ้นและส่งผลให้ความต้องการคอนโดมิเนียมและวิลล่าเพิ่มขึ้น
รวมทั้งการเข้ามาลงทุนของผู้ประกอบการอสังหาฯทั้งที่อยู่อาศัยและโรงแรมเพิ่มขึ้น ทำให้ในอุปทานและอุปสงค์คอนโดมิเนียมและวิลล่าเติบโตใกล้เคียงกับปี 2562 อย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะยังไม่เทียบเท่ากับปี 2562 โดยเฉพาะตลาดวิลล่าในภูเก็ตยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากกลุ่มผู้ซื้อชาวรัสเซียที่เข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยในภูเก็ตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในปี 2566 ที่ผ่านมามีโครงการเปิดใหม่จำนวน 740 ยูนิต หรือคิดเป็น 126.3% เมื่อเทียบกับปี 2565 ส่งผลให้มีอุปทานวิลล่าสะสมในปี 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 5,137 ยูนิต ขณะที่ราคาขายวิลล่าเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าโดยเฉลี่ย 3.5% และมียอดขาย 651ยูนิตหรือคิดเป็น 109.3% เมื่อเทียบกับปี 2565
นายณัฎฐา คหาปนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า จากการเก็บข้อมูลของทางฝ่ายวิจัย พบว่าตลาดวิลล่าในภูเก็ตมีการขยายตัวได้ดี โดยสะท้อนได้จากยอดขายทั้ง 12 เดือนที่ผ่านมาของปี 2566 ยอดขายวิลล่าในภาพรวมมีจำนวน 651 หน่วย เพิ่มขึ้น 109.3% เมื่อเทียบกับปี 2565 โดยมีสาเหตุหลักมาจากที่ชาวรัสเซียเข้ามาท่องเที่ยวจำนวนมากและเลือกซื้อวิลล่าอยู่อาศัยกับครอบครัวเป็นบ้านหลังที่สองหรือสำหรับการลงทุน ส่งผลให้ตลาดวิลล่าเติบโตได้ดี เพราะได้รับแรงขับเคลื่อนจากกลุ่มผู้ซื้อชาวรัสเซียและชาวยุโรป
ทำเลที่ได้รับความนิยมในการเลือกที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติจะอยู่บริเวณบางเทาและเชิงทะเล แต่เนื่องจากที่ดินในการพัฒนามีน้อยลงอีกทั้งมีราคาสูงขึ้น ทำให้การขยายตัวของวิลล่ากระจายตัวไปยังบริเวณที่ห่างจากทะเลในระยะทาง 5-10 กิโลเมตร ไปอยู่ในย่านพรุจำปาและบางโจ ซึ่งเป็นทำเลที่อยู่ถัดมาจากโซนบางเทาและเชิงทะเล ขณะเดียวกันในย่านนี้ยังมีโรงเรียนนานาชาติทำให้มีจำนวนนักเรียนต่างชาติเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยทั้งวิลล่าและคอนโดมิเนียมสำหรับซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและเช่ามีความต้องการเพิ่มตามไปด้วย
ส่วนตลาดคอนโดมิเนียมมีการเปิดใหม่ในปี 2566 มีจำนวน4,081 ยูนิตเพิ่มขึ้น 333.7% เมื่อเทียบกับปี 2565 ส่วนใหญ่จะอยู่ในบริเวณโซนลายันและบางเทา ด้านราคาขายมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 4.8% ส่งผลให้อุปทานคอนโดมิเนียมสะสมในปี 2566 มีจำนวน 28,057 ยูนิต และคาดว่าในปี 2567 จะมีอุปทานเติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่าปี 2566 ประมาณ 50%โดยทำยอดขายได้ 3,892 ยูนิต คิดเป็น 393.2% เมื่อเทียบกับ
ปี 2565 ใกล้เคียงกับปี 2562 อย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาจะยังน้อยกว่าในปี 2562 สะท้อนให้เห็นว่าคอนโดในภูเก็ตมีสภาวะการฟื้นตัวได้ดีตามอัตราการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยว สำหรับทำเลที่ชาวต่างชาติเลือกซื้อจะอยู่ในโซนลายันและบางเทา คิดเป็น 58% ของจำนวนหน่วยขายได้ทั้งหมด