จากนโยบายของนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มอบหมายให้ การเคหะแห่งชาติ ดำเนินการจัดหาที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน เพื่อประชาชนทุกกลุ่ม
นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า การเคหะแห่งชาติมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุมชนและเมือง ควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยเพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ยังไม่สามารถซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้
ทั้งนี้ พลเอก สุพจน์ มาลานิยม ประธานกรรมการ การเคหะแห่งชาติ ขานรับนโยบายของ รมว.พม. พร้อมเน้นย้ำให้การเคหะแห่งชาติขับเคลื่อนงานสำคัญด้านที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบางให้เป็นไปด้วยความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพเกิดความชัดเจนเป็นรูปธรรม
การเคหะแห่งชาติเร่งรัดดำเนินโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย ในทำเลที่มีศักยภาพ ทั้งประเภทขายและเช่า ประชาชนที่จองโครงการของการเคหะแห่งชาติสามารถยื่นขอสินเชื่อจากโครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย กรณีสถาบันการเงินปฏิเสธ ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ สำหรับอัตราดอกเบี้ยของลูกค้าทั่วไป ปีที่ 1-4 ร้อยละ 1.50 ปีที่ 5-8 ร้อยละ 3.00 และปีที่ 9-40 ร้อยละ 4.00
ส่วนกลุ่มลูกค้าเปราะบาง อัตราดอกเบี้ย ปีที่ 1-5 ร้อยละ 1.50 ปีที่ 6-8 ร้อยละ 3.00 และปีที่ 9-40 ร้อยละ 4.00มีระยะเวลาในการทำสัญญาเช่าซื้อไม่เกิน 40 ปี และเมื่อรวมกับอายุผู้เช่าซื้อแล้วต้องไม่เกิน 70 ปี โดยผู้เช่าซื้อจะต้องถูกปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัย มีรายได้ไม่เกิน 41,600 บาท/เดือน/ครัวเรือน ทำสัญญาเช่าซื้อกู้ร่วมได้ไม่เกิน 2 คนต่อสัญญา
สำหรับโครงการอาคารเช่าเพื่อพักอาศัย ค่าเช่าเริ่มต้น 300 - 6,000 บาท/เดือน ผู้ได้สิทธิเช่า กรณีสวัสดิการแห่งรัฐ จะต้องเป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ นับตั้งแต่วันทำสัญญา ส่วนผู้ได้สิทธิเช่าที่เป็นข้าราชการและประชาชนทั่วไป เป็นผู้มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/เดือน/ครัวเรือน นอกจากนี้ ยังมีโครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน ราคาเริ่มต้น 480,000 บาท มีรายได้ครัวเรือน ไม่เกิน 40,000 บาท/เดือน