"พฤกษา" ผนึก “ปูนอินทรี” ชูนวัตกรรมกรีนซีเมนต์ ดันโครงการบ้านกรีนเทคโนโลยี

นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า พฤกษา มีวิสัยทัศน์มุ่งสู่ผู้นำในการสร้างคุณภาพชีวิตการอยู่อาศัยเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด "Green to Great" พร้อมตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 30% ภายในปี 2573 และมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2593 โดยในปี 2567 นี้ ได้คาดการณ์การลดคาร์บอนได้ประมาณ 15%

จากแนวคิดดังกล่าว พฤกษา จึงได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ ปูนอินทรี ตั้งแต่ปี 2562 โดยเลือกใช้กรีนซีเมนต์ "ปูนอินทรีเพชร Easy Flow" ในการก่อสร้างโครงการบ้านจัดสรร ซึ่งปัจจุบันมีการใช้ในโครงการแนวราบประมาณ 327 โครงการ ซึ่งสามารถลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้เกือบ 5 ล้านตัน

นอกจากนี้ พฤกษา ยังเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายแรกที่ใช้เทคโนโลยี "คาร์บอนเคียว" ในการผลิตแผ่นพรีคาสท์คาร์บอนต่ำสำหรับการก่อสร้างบ้านในอีก 6 โรงงานจากทั้งหมด 9 โรงงาน ซึ่งช่วยลดการปล่อยคาร์บอนและก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ และลดปริมาณการใช้ซีเมนต์ลง 5% แต่ยังคงประสิทธิภาพความแข็งแรงตามมาตรฐาน รทั้งยังให้ความสำคัญกับการออกแบบ "บ้านลดโลกร้อน" ด้วยนวัตกรรมประหยัดพลังงาน เช่น ระบบโซลาร์เซลล์ ระบบระบายอากาศ ระบบรองรับที่ชาร์จรถอีวี นวัตกรรมกรองอากาศและลดพลังงาน เป็นต้น

และล่าสุด อินโน พรีคาสท์ ในเครือพฤกษา ได้รับการรับรองจาก องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ประกาศรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ให้กับ โดยได้รับฉลากลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ Carbon Footprint Reduction (CFR) หรือฉลากลดโลกร้อน ถือเป็นพรีคาสท์รายแรกของอุตสาหกรรมในประเทศไทยขณะนี้

นายมนตรี นิธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจปูนซีเมนต์ประเทศไทย บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปูนอินทรี ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ เพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพ และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ ขณะเดียวกัน ก็มีเป้าหมายด้านความอย่างยั่งยืน ที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศจากผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ โดยเล็งเห็นถึงปัญหาภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องใกล้ตัว จึงเป็นความท้าทายสำคัญขอผู้ประกอบการอย่าง พฤกษา และปูนอินทรี ที่ไม่ได้นิ่งนอนใจ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อไป

“พฤกษา จะยังคงความร่วมมืออย่างต่อเนื่องกับปูนซีเมนต์นครหลวง โดยจะนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ในกระบวนการก่อสร้างบ้าน และในอีกหลากหลายมิติ เพื่อผลักดันและสนับสนุนให้ผู้บริโภคลดการใช้พลังงาน และสอดคล้องกับวิถีชีวิตในด้านต่างๆ รวมถึงคำนึงถึงต้นทุนและราคาไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้บริโภคเช่นเดียวกัน” นายอุเทน กล่าวทิ้งท้าย