ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หนึ่งในเครื่องยนต์สำคัญที่หลายประเทศทั่วโลกใช้เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ เช่นเดียวกับประเทศไทยที่เวลานี้ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจซบเซาฉุดกำลังซื้อที่อยู่อาศัยชะลอตัวลงจากปัจจัยลบรอบด้าน
นายอธิป พีชานนท์ นายกกิติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ระบุว่า สิ่งที่ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาล แพทองธาร สานต่อคือมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่อเนื่องและเป็นหน้าที่ของสมาคมฯเข้าไปหารือกับรัฐบาลต่อเนื่อง
หลังจากได้ลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และค่าจดจำนองสำหรับที่อยู่อาศัยไม่เกิน7ล้านบาทไปก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะข้อเสนอจาก7สมาคมอสังหาฯที่ยังเหลืออยู่จาก8มาตรการ เสนออย่าง การผ่อนเกณฑ์LTV (Loan to Value) หรืออัตราส่วนการให้สินเชื่อซื้อบ้านโดยเทียบกับมูลค่า ให้ควบคุมเฉพาะบ้านหลังที่3 เป็นต้นไป โดยมองว่า บ้านหลังที่สองยังมีความจำเป็นเนื่องจากมีคนจำนวนมากต้องการมีที่อยู่อาศัยใกล้แหล่งงาน สถานศึกษา ประกอบกับปัจจุบันไม่มีการเก็งกำไรเกิดขึ้น ขณะเดียวกันดอกเบี้ยนโยบายยังไม่ปรับลดลง
ทำให้ไม่มีใครเสี่ยงที่จะลงทุนเก็งกำไร ซึ่งแน่นอนว่าหากดอกเบี้ยปรับลดลง จะช่วยให้คนมีกำลังผ่อนบ้านมากขึ้น นอกจากนี้ ยังต้องการให้รัฐบาลสนับสนุนโครงการบ้านดีมีดาวน์
จาก5หมื่นบาทปรับเป็น1แสนบาท เพื่อจูงใจและเข้าถึงที่อยู่อาศัย แต่เหนือสิ่งอื่นใดตามข้อเท็จจริงกำลังซื้อที่อยู่อาศัยยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ ติดปัญหาสถาบันการเงินไม่ปล่อยสินเชื่อ ซึ่งเป็นอีกประเด็นที่ภาคเอกชนเรียกร้องให้เกิดการผ่อนปรนเพราะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คือหนึ่งในเครื่องยนต์สำคัญ
ที่รัฐบาลในต่างประเทศโดยเฉพาะออสเตรเลีย ใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมูลค่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยมี ขนาดอยู่ที่ 5% ของจีดีพีทั้งประเทศ และยังมีผลต่อธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง หากไม่รีบแก้ไข อาจได้รับผลกระทบตามไปด้วย สิ่งที่ตามมาจะฉุดเศรษฐกิจทั้งประเทศทรุดตัวตามได้