ทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี2568 หลายฝ่ายมองว่ายังเผชิญความท้าทาย ทั้งกำลังซื้อเปราะบางสถาบันการเงินปฎิเสธสินเชื่อ การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400บาท คาดว่าจะมีผล 1 มกราคม ปีหน้า ไม่รวมปัจจัยภายนอกผลกระทบทางภูมิรัฐศาสตร์ สงครามรัสเชีย-ยูเครน –ตะวันออกกลาง นโยบาย ผู้นำสหรัฐฯ “โดนัลด์ ทรัมป์” ที่อาจส่งผลกระทบเศรษฐกิจโลก และขยายวงมาถึงประเทศไทยด้วย
ดีเวลลอปเปอร์ ต่างชิงไหวชิงพริบ พลิกกลยุทธ์ หาน่านน้ำใหม่ เจาะตลาดกำลังซื้อสูงมากขึ้น พร้อมทั้งเตรียมความพร้อม ปี2567เพื่อต่อยอดธุรกิจในปีต่อๆไป เช่นเดียวกับกลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค และ แกรนด์ แอสเสทฯ วางกลยุทธ์สร้างการเติบโตในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้มีเป้าหมาย ลดภาระหนี้ สร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน
นายศานิต อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF) และ แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ (GRAND) วางเป้าหมายในการบริหารจัดการโครงสร้างทางการเงินให้แข็งแกร่ง
ทั้งการลดภาระหนี้ เพิ่มสภาพคล่อง เร่งสร้างยอดขาย รายได้และกำไรเพิ่มขึ้น ขณะที่ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังคงเผชิญกับความท้าทาย การเสริมความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงิน เป็นปัจจัยสำคัญที่จะขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืนและสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างเต็มศักยภาพ
สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2568 กลุ่มบริษัทมีความมั่นใจในศักยภาพและโอกาสในการขยายตัวของธุรกิจ ทั้งจากการเปิดโครงการใหม่การเพิ่มยอดขายจากกลุ่มโครงการลักซ์ชัวรี่ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด
บริษัทยังมีแผนพัฒนาโครงการภายใต้คอนเซ็ปท์ใหม่เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าในเซกเมนต์ระดับบนอีกทั้งยังจะมีความร่วมมือกับพันธมิตรรายใหม่ร่วมลงทุนต่อยอดในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ
“กลุ่มบริษัทมีแผนลดภาระหนี้รวม 16,000 ล้านบาท โดยปีนี้สามารถลดภาระหนี้ลงได้แล้ว 8,000 ล้านบาท จากการขายโรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ สุขุมวิท และชำระคืนหุ้นกู้ ภายในปี 2568 ยังตั้งเป้าจะเร่งลดหนี้ลงอย่างต่อเนื่องอีก 8,000 ล้านบาท เป็นของ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค 3,000 ล้านบาท และ แกรนด์ แอสเสทฯ 5,000 ล้านบาท ทั้งจากการขายที่ดินและเงินลงทุน ร่วมทุน และการชำระคืนหุ้นกู้ การลดภาระหนี้ลงตามแผนจะทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยได้ถึง 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการลดค่าใช้จ่ายและต้นทุนทางการเงินครั้งใหญ่ของกลุ่มบริษัท และยังทำให้มีกำไรเพิ่มขึ้นจากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง มีสภาพคล่องทางการเงินสูงขึ้น ที่สำคัญยังจะมีผลให้อัตรา ส่วนหนี้สินต่อทุนของกลุ่มบริษัทลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 1 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบทศวรรษ”
พร้อมกันนี้ยังจะเร่งสร้างรายได้จากโครงการร่วมทุน ซึ่งกลุ่มบริษัทเริ่มพัฒนาโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรชั้นนำจากต่างประเทศ 3 องค์กร ตั้งแต่ปี 2561 เรื่อยมา และประสบความสำเร็จได้รับการตอบรับอย่างดี
ในการสร้างความแตกต่างให้กับตลาดที่อยู่อาศัยด้วยมาตรฐานระดับสากลในปี2568–2569กลุ่มบริษัทยังจะได้รับคืนเงินลงทุนและ Shareholder Loan จากโครงการร่วมทุน เป็นจำนวน 4,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องและกระแสเงินสดให้กับกลุ่มบริษัท
ปัจจุบันกลุ่มบริษัทมีการพัฒนาโครงการร่วมทุนทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม คิดเป็นมูลค่าโครงการรวม 27,950 ล้านบาท ทั้งการร่วมทุนกับ “ซูมิโตโม ฟอเรสทรี” ผู้นำในธุรกิจป่าไม้และก่อสร้างบ้านจากประเทศญี่ปุ่น ในโครงการคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ “ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ” มูลค่า 6,200 ล้านบาท
คาดว่าจะปิดการขายโครงการได้ในปี 2569 และโครงการบ้านเดี่ยว “เลค ฟอเรสต์ ราชพฤกษ์ตัดใหม่” มูลค่า 4,450 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือกับ “ฮ่องกง แลนด์” บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก ในโครงการ “เลค เลเจ้นด์” บ้านหรูระดับซุเปอร์ลักซ์ชัวรี่ริมทะเลสาบใน 2 ทำเล คือ แจ้งวัฒนะ และ บางนา-สุวรรณภูมิ รวมมูลค่า 13,870 ล้านบาท มีความร่วมมือกับ “เซกิซุย เคมิคอล” ผู้นำในตลาดรับสร้างบ้านของประเทศญี่ปุ่น
พัฒนาบ้านนวัตกรรมที่ก่อสร้างด้วยระบบ โมดูลาร์ ในโครงการเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ 5 ทำเล ได้แก่ กรุงเทพกรีฑา รามคำแหง สุขุมวิท รัตนาธิเบศร์ และ แจ้งวัฒนะ มูลค่ารวม 3,430 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถปิดการขายทั้ง 5 ทำเลได้ในกลางปีหน้า