thansettakij
ไรมอน แลนด์ ปักหมุดตลาดลักชัวรี ชู One City Center แลนด์มาร์กกลางกรุง

ไรมอน แลนด์ ปักหมุดตลาดลักชัวรี ชู One City Center แลนด์มาร์กกลางกรุง

12 ก.พ. 2568 | 09:16 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ก.พ. 2568 | 09:26 น.

ไรมอน แลนด์ หรือ RML เผยทิศทางธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี เปิดบ้านอาคารสำนักงาน One City Center (OCC) ปักหมุดแลนด์มาร์กเพลินจิต ชูเทรนด์ความยั่งยืนดึงดูดบริษัทระดับโลก

บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ RML ผู้จุดประกายอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรีและอัลตร้าลักชัวรี ชั้นนำของไทย รองรับกลุ่มกำลังซื้อสูงของชาวต่างชาติและเศรษฐีเมืองไทย ในพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจ มีหมุดหมายเป็นแลนด์มาร์กการอยู่อาศัยและการทำงานที่น่าจับตา 

นายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ RML เปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรียังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจโดยรวมจะชะลอตัว แต่กลุ่มลูกค้าต่างชาติยังคงให้ความสนใจ ประเทศไทยเป็นบ้านหลังที่สอง (Second Home Market) เนื่องจากค่าครองชีพที่ต่ำกว่าหลายประเทศ การเดินทางสะดวก และสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการอยู่อาศัย

กรณ์ ณรงค์เดช กรณ์ ณรงค์เดช

"ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจมากที่สุด เพราะเป็นประเทศที่เปิดกว้างสำหรับทุกเชื้อชาติ มีความปลอดภัยสูง และค่าครองชีพยังต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในเอเชีย"

อีกทั้งมองว่า ดีมานด์จากต่างชาติยังเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ และยุโรป ขณะที่ลูกค้าคนไทยในตลาดไฮเอนด์ก็ยังมีกำลังซื้อสูง ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตของธุรกิจ

และจากปัจจัยด้านต้นทุนที่ดินและค่าก่อสร้างที่พุ่งสูงขึ้น หนึ่งในกลยุทธ์ที่ RML เลือกใช้คือการ (Joint Venture) กับเจ้าของที่ดินรายใหญ่ แทนการซื้อที่ดินเอง เพื่อลดภาระต้นทุนและเร่งพัฒนาโครงการให้เร็วขึ้น

โดยปัจจุบันนี้ ต้นทุนพัฒนาโครงการสูงขึ้นมาก ทำให้ RML เปลี่ยนแนวทางไปสู่การร่วมทุนกับเจ้าของที่ดิน โดยนำโนว์ฮาวของ RML ทั้งด้านการพัฒนาโครงการ การตลาด และการขายมาเสริม ทำให้สามารถเดินหน้าโครงการได้เร็วขึ้น และลดต้นทุนไปได้มาก

OCC โครงการออฟฟิศ A+ ชูความยั่งยืนดึงบริษัทยักษ์

นอกจากโครงการที่อยู่อาศัยแล้ว RML ยังมี โครงการ One City Centre (OCC) ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานระดับ A+ ร่วมทุนกับ Mitsubishi Estate มีพื้นที่เช่าทั้งหมด 61,000 ตร.ม. โดยได้รับความสนใจจากหลายบริษัทระดับโลก อาทิ JP Morgan สถาบันการเงินระดับโลก, Dior แบรนด์สินค้าลักชัวรี เป็นต้น

One City Center ได้รับการออกแบบโดย Skidmore, Owings & Merrill LLP (SOM) บริษัทสถาปนิกระดับโลกที่อยู่เบื้องหลังตึกระฟ้าและแลนด์มาร์คสำคัญทั่วโลก อย่าง Burj Khalifa และ One World Trade Center โดยจุดเด่นของอาคารนี้คือ การออกแบบที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน (Sustainability) รวมถึงมาตรฐานอาคารสีเขียวที่เข้มงวด

ไรมอน แลนด์ ปักหมุดตลาดลักชัวรี ชู One City Center แลนด์มาร์กกลางกรุง

โดยนายกรณ์เผยว่า ปัจจัยที่ทำให้ OCC ดึงดูดบริษัทระดับโลกเหล่านี้ คืออาคาร OCC ได้มาตรฐานอาคารสำนักงานสีเขียวและมีคุณภาพอากาศสูงโดยใช้ระบบเดียวกันกับโรงพยาบาล ทำให้คุณภาพอากาศภายในอาคารดีกว่าอากาศภายนอกถึง 90%

อีกทั้งยังมีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ประมาณ 3 ไร่ คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 50% ของพื้นที่โครงการทั้งหมด ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นจุดขายสำคัญที่ดึงดูดบริษัทต่างชาติที่ให้ความสำคัญกับ Sustainability 

"ลูกค้าของ OCC ส่วนใหญ่เป็นองค์กรระดับโลกที่มองหาอาคารสำนักงานที่มีมาตรฐานสูง ให้ความสำคัญกับ Air Quality, Green Space และ Sustainable Building ซึ่งตึกของเราตอบโจทย์โดยได้รับรองมาตรฐาน LEED Gold และ Fitwel Certification จึงเป็นทางเลือกสำหรับบริษัทขนาดใหญ่เข้ามา"

ไรมอน แลนด์ ปักหมุดตลาดลักชัวรี ชู One City Center แลนด์มาร์กกลางกรุง

ปัจจุบัน OCC มีอัตราการเช่าพื้นที่สูงเฉลี่ย 78% และคาดว่าในปีหน้าจะสามารถปรับค่าเช่าขึ้นอีก เนื่องจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยในช่วงแรกของการเปิดตัวมีราคาอยู่ที่ 1,200 บาทต่อตร.ม. แต่ปัจจุบันค่าเช่าปรับตัวขึ้นเป็น 1,500-1,700 บาทต่อตร.ม. แล้ว และยังมีแนวโน้มขยายตัวอีก เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่ให้ความสนใจใน คุณภาพอาคารและทำเลใจกลางเมืองที่เชื่อมต่อ BTS

โดยกลุ่มลูกค้าหลักของ One City Center คือบริษัทที่มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง ทำให้สัญญาเช่ามีความมั่นคง โดยสัญญาเช่ามาตรฐานอยู่ที่ 3 ปีบวก 3 ปี และจากนั้นต่อเพิ่มอีก 3 ปี รวม 9 ปี และมีการปรับค่าเช่าเพิ่มขึ้นทุก 3 ปี ประมาณ 10-15% ซึ่งสร้างรายได้ประจำให้กับ RML ราวปีละ 800-900 ล้านบาท

ไรมอน แลนด์ ปักหมุดตลาดลักชัวรี ชู One City Center แลนด์มาร์กกลางกรุง

นายกรณ์ระบุว่า ตลาดอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ อาคารเกรด A+ ที่มีมาตรฐานความยั่งยืน ซึ่งเป็นที่ต้องการของบริษัทข้ามชาติปัจจุบันตลาดอาคารสำนักงานเกรดเอในกรุงเทพฯ มีการแข่งขันสูง

โดยเฉพาะจากโครงการใหม่เปิดตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม One City Center มีจุดขายที่แตกต่างทั้งในเรื่องเทคโนโลยี ความยั่งยืน และทำเลที่ตั้ง ซึ่งบนทำเลเพลินจิตมีสำนักงานเพียง 3 อาคารเท่านั้น

“ลูกค้าบางกลุ่มชอบอาคารที่อยู่ติด MRT แต่ลูกค้าของเรามักเป็นบริษัทที่ต้องการอยู่ ใกล้ BTS และเน้นคุณภาพอาคารที่มีมาตรฐานสูง"

นอกจากนี้ นายกรณ์กล่าวว่า ในระยะ 10 ปีข้างหน้ากรุงเทพฯ มีโอกาส ก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางอาคารสำนักงานของอาเซียน แทนที่สิงคโปร์ โดยปัจจัยสำคัญที่เอื้อต่อโอกาสนี้ ได้แก่ ต้นทุนค่าเช่าที่ต่ำกว่า เมื่อเทียบกับสิงคโปร์และฮ่องกง สภาพแวดล้อมที่ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ทั้งเรื่องความปลอดภัย ค่าครองชีพและคุณภาพชีวิต รวมถึงความเปิดกว้างกับธุรกิจต่างชาติ ทั้งในแง่ของกฎระเบียบและโอกาสทางธุรกิจ