นายชาแชงค์ นานาวาติ ประธานกรรมการและผู้จัดการใหญ่ บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์คาลเท็กซ์ เปิดเผยว่า ปั้มคาลเท็กซ์ คว้ารางวัลจากสถาบันอาคารเขียวไทย (TGBI) หลังจากสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ สาขาศรีนครินทร์ ได้รับการประเมินและรับรองตามมาตรฐานอาคารเขียว ในระดับ Platinum ซึ่งถือเป็นสถานีบริการน้ำมันแห่งแรกในประเทศไทย
สถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ สาขาศรีนครินทร์ได้ผ่านการตรวจประเมินอาคารตามเกณฑ์การประเมินความยั่งยืนทางพลังงานและสิ่งแวดล้อมไทย สำหรับการก่อสร้างและปรับปรุงโครงการใหม่ (TREES-NC) ในระดับ PLATINUM ซึ่งเป็นระดับสูงสุด โดยมุ่งเน้นการลดผลกระทบต่อสิ่งเเวดล้อม 5 ประการ
บริษัทฯ ได้ติดตั้งระบบเซลล์สุริยะบนหลังคา (Solar Rooftop) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงาน อีกทั้งได้ทำการเลือกและติดตั้งวัสดุสะท้อนความร้อนและฉนวนกันความร้อนของหลังคา เพื่อช่วยระบายความร้อน และส่งเสริมการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยรวมแล้วช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้ถึง 37,000 กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) ต่อปี
บริษัทฯ ได้มีการบริหารจัดการน้ำที่ใช้สำหรับกิจกรรมประจำวันอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยได้เลือกใช้สุขภัณฑ์ประหยัดน้ำโดยไม่ได้ลดหย่อนประสิทธิภาพในการทำความสะอาด
บริษัทฯ ได้จัดให้มีที่จอดรถสำหรับรถจักรยานและรถอีโคคาร์ (Eco-Car) เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้มาใช้งาน และเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย
การติดตั้งระบบกรองอากาศทำให้เกิดการไหลเวียนและการถ่ายเทของอากาศภายในอาคารได้ดียิ่งขึ้น ตลอดจนมีการควบคุมการเติมอากาศบริสุทธิ์เข้าไปภายในอาคาร รวมทั้งมีการเลือกใช้ระบบปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในอาคารและช่วยประหยัดพลังงานอีกด้วย
บริษัทฯ เลือกใช้วัสดุที่ผลิตภายในประเทศและวัสดุรีไซเคิลเป็นส่วนมากสำหรับงานสถาปัตยกรรมและงานตกแต่งภายใน การก่อสร้างเป็นไปด้วยความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมและการลดปริมาณของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ
จากองค์ประกอบที่สำคัญ 5 ด้าน ช่วยให้สถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์แห่งนี้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกโซด์รวมที่ 28,145 กก.คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าในแต่ละปี
นายชาแชงค์ กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะใช้ศักยภาพและทรัพยากรที่มีอยู่ในการสนับสนุนเป้าหมายของภาครัฐซึ่งมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2608 ของประเทศไทย
สถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ที่ได้รับรางวัลครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในโมเดลการบริหารต้นทุน การลดปริมาณความเข้มข้นคาร์บอน (carbon intensity) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในการขับเคลื่อนลดปริมาณคาร์บอน