นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บางจากได้ดำเนินการชำระราคาซื้อขายหุ้นสามัญของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) 2,283,750,000 หุ้น คิดเป็น 65.99% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของเอสโซ่ในราคาประมาณ 9.8986 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 22,605,926,000 ล้านบาท
"เงินที่ใช้ในการเข้าซื้อหุ้นดังกล่าวมาจากบางจากเอง 1.7 หมื่นล้านบาท และเป็นเงินที่ขอกู้จากธนาคารกรุงเทพอีก 5 พันล้านบาท จากวงเงินขอกู้ทั้งหมด 3.2 หมื่นล้าน"
ทั้งนี้ การซื้อขายหุ้นดังกล่าวจะส่งผลให้บางจากขึ้นเป็นผู้นำธุรกิจโรงกลั่น โดยมีกำลังการกลั่นรวมประมาณ 3 แสนบาร์เรลต่อวัน แบ่งเป็นโรงกลั่นบางจาก พระโขนงประมาณ 1.2 แสนบาร์เรลต่อวัน และจากโรงกลั่นบางจาก ศรีราชาประมาณ 1.74 แสนบาร์เรลต่อวัน ซึ่งบางจากมองว่าในช่วงเปลี่ยนผ่านพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลไปเป็นพลังงานสะอาด แต่มากกว่า 90% ของรถยนต์ในประเทศยังเป็นรถที่ใช้น้ำมันอยู่ และมีความต้องการใช้น้ำมันไปอีกนาน 35-40 ปี
อย่างไรก็ดี บริษัทมีแผนปรับสูตรน้ำมันปั๊มเอสโซ่ทุกแห่งมาจำหน่ายน้ำมันสูตรบางจากภายใน 30 วันนับจากนี้ และจะทยอยรีแบรนด์ปั๊มของเอสโซ่ที่มีประมาณ 200 กว่าแห่งให้แล้วเสร็จภายในเดือนพ.ย.นี้
ส่วนที่เหลือเป็นของดีลเลอร์กว่า 550 แห่ง คาดว่าจะใช้เวลาภายใน 1 ปีครึ่ง ภายใต้เงื่อนไขให้ใช้แบรนด์เอสโซ่ได้ภายในไม่เกิน 2 ปี รวมบางจากจะมีปั๊มทั้งสิ้น 2,200 แห่ง
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่าบริษัทคาดว่าปีนี้จะรับรู้รายได้จากการซื้อเอสโซ่เข้ามาบางส่วน ทำให้บริษัทมีรายได้ 380,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มี 312,202 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 500,000 ล้านบาทในปี 2567 มั่นใจว่าจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 5 ปี ทำให้ภาพรวมธุรกิจมีศักยภาพในการแข่งขันมากขึ้น มีปั๊มให้บริการที่เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของหุ้นที่เหลืออีก 34.01% บางจากจะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมดของเอสโซ่ (ประเทศไทย) ตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย.-12 ต.ค.2566
นายชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า บริษัทยังดำเนินการด้านนวัตกรรมสมัยใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยภายในปีนี้จะเดินหน้าติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้ารวม 240 ปั๊ม รวม 840 หัวจ่าย ซึ่งจะร่วมกับเอสโซ่เข้าไปติดตั้งหัวจ่ายในปั๊มด้วย