บิ๊กดีลขนาดใหญ่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 66 เมื่อบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ประกาศซื้อหุ้นสามัญของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (เอสโซ่) จาก ExxonMobil Asia Holdings Pte. Ltd. (ExxonMobil)
โดยเบื้องต้นเป็นการเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน 65.99% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ "เอสโซ่" จาก ExxonMobil ซึ่งมีมูลค่ากิจการ 55,500 ล้านบาท และมีกลไกการปรับราคาซื้อขายหุ้นตามที่ระบุในสัญญาซื้อขายหุ้น
ทั้งนี้ ล่าสุด BCP ระบุว่า จะดำเนินการซื้อหุ้นสามัญของ ESSO จำนวน 2,283,750,000 หุ้น หรือคิดเป็น 65.99% จาก ExxonMobil Asia Holdings Pte.Ltd (ผู้ขาย) ในมูลค่า 22,605,926,000 บาท หรือคิดเป็นราคา 9.8986 บาท/หุ้น และจะชำระราคาค่าหุ้นสามัญให้กับผู้ขายในวันที่ 31 สิงหาคม 2566
นอกจากนี้จะเข้าดำเนินการเข้าทำคำเสนอซื้อหุ้นจำนวนทั้งสิ้นอีก 1,177,108,000 หุ้น ( คิดเป็นสัดส่วน 34.01% ของหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายทั้งหมดของ ESSO) ในราคาเท่ากันที่หุ้นละ 9.8986 บาท คิดเป็นมูลค่าที่เสนอซื้อ 11,651,721,248.80 บาท
โดยกำหนดระยะเวลาทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ฯ ESSO ตั้งแต่วันที่วันที่ 8 ก.ย.2566 ถึงวันที่ 12 ต.ค.2566 และชำระราคาหลักทรัพย์วันที่ 17 ต.ค. 2566 ซึ่งยมีบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนการรับซื้อ
อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 28 ส.ค.2566 บริษัทฯได้ยื่นแบบประกาศเจตนาในการถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ (แบบ 247-3) ของเอสโซ่ ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แล้ว
สำหรับสินทรัพย์ที่บางจากฯ จะได้รับ คือ โรงกลั่นน้ำมันกำลังการกลั่น 174,000 บาร์เรลต่อวัน เครือข่ายคลังน้ำมันคิดเป็นปริมาณน้ำมันดิบ 7.4 ล้านบาร์เรล และสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศกว่า 700 แห่ง
อย่างไรก็ตาม ปั๊มเอสโซ่ได้มีการโพสต์ข้อความที่ระบุว่าจะใช้ชื่อ "เอสโซ่" ถึงวันที่ 31 ส.ค. 66 นี้ ก่อนจะเปลี่ยนไปใช้ชื่อบางจาก
พร้อมขอบคุณจากหัวใจตลอด 129 ปี
จากการตรวจสอบของ "ฐานเศรษฐกิจ" เกี่ยวกับการเปลี่ยนป้ายชื่อจากเอสโซ่เป็นบางจากคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายใน 2 ปี
ล่าสุด LINE Official Esso Thailand ได้มีการเผยแพร่ข้อความว่า "ขอบคุณที่ให้เอสโซ่ดูแลมาตลอด 129 ปี เอสโซ่ เติมความอุ่นใจ เต็มถึง"