"ลดค่าไฟ" นโยบายครม.เศรษฐา 1 คาดต้องใช้เงินกว่า 1.5 หมื่นล้าน

06 ก.ย. 2566 | 02:16 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ก.ย. 2566 | 02:16 น.

"ลดค่าไฟ" นโยบายครม.เศรษฐา 1 คาดต้องใช้เงินกว่า 1.5 หมื่นล้าน กกพ.ระบุจะทำให้ประชาชนจ่าย 4.25 บาท ชี้หากรัฐเจรจากับกฟผ. ชะลอคืนหนี้ 1.1 แสนล้านบาท ค่าไฟงวด ก.ย.-ธ.ค. ลงมาอยู่ที่ 4.10-4.20 บาท

"ลดค่าไฟ" นโยบายทำทันทีหลังมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) คือคำที่เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยลั่นวาจาไว้

ขณะที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเองก็ระบุว่า การลดราคาพลังงานเป็นนโยบายที่พรรครวมไทยสร้างชาติจะดำเนินการเช่นกัน และได้แจ้งต่อที่ประชุมร่วมกับพรรคเพื่อไทยในการประชุมทำนโยบายรัฐบาลล่าสุดที่ผ่านมา 

 

โดยมุ่งหวังจะทำให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนไม่ใช่เฉพาะแค่ราคาพลังงานแต่รวมไปถึงค่าครองชีพอื่นๆด้วย เพราะพลังงานเป็นต้นทุนการผลิตสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภค การปรับลดราคาพลังงานให้อยู่ในอัตราที่เหมาะสมและเป็นธรรมจึงเป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง      
        
ต่อเรื่องการลดค่าไฟแหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการพลังงาน (กกพ.) ระบุว่า หากคำนวณต้นทุนค่าไฟฟ้าทั้งหมดพบว่าค่าไฟฟ้างวดสุดท้ายของปีจะอยู่ที่ระดับ 4.10 บาทต่อหน่วย จากราคาที่ประกาศ 4.45 บาทต่อหน่วย

หากรัฐเจรจากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ชะลอคืนหนี้ 1.1 แสนล้านบาทออกไป จะทำให้ค่าไฟฟ้างวดเดือนกันยายนถึงธันวาคมนี้ ลงมาอยู่ที่ 4.10-4.20 บาทต่อหน่วยได้ 

แต่หากชะลอหนี้ไม่ได้ รัฐต้องใช้งบประมาณเข้ามาอุดหนุนอย่างน้อย 15,000 ล้านบาท จะลดค่าไฟเหลือ 4.25 บาทต่อหน่วย 

อย่างไรก็ดี การลดค่าไฟหากไม่ทันบิลเรียกเก็บเดือนกันยายน อาจใช้วิธีให้ส่วนลดย้อนหลังเหมือนที่เคยทำในอดีต