นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากที่สำนักงานกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ได้ประกาศผลการรับฟังความคิดเห็นค่า Ft หรือค่าไฟฟ้าผันแปรรอบเดือนมกราคม - เมษายน 2567 โดยมีมติเห็นชอบให้ปรับค่า Ft ที่ 89.55 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟเฉลี่ยอยู่ที่ 4.68 บาทต่อหน่วย ซึ่งค่า Ft ที่ปรับเพิ่มขึ้นนี้สะท้อนถึงต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น และส่วนหนึ่งเป็นการคืนต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่ กฟผ. รับภาระไว้บางส่วน เพื่อให้ กฟผ. มีสภาพคล่องในการดำเนินงานและชำระคืนเงินกู้เท่าที่จำเป็น
กระทรวงพลังงานขอชี้แจงว่า ค่าไฟฟ้าที่ปรับขึ้นในครั้งนี้ จะอยู่ในส่วนของค่า Ft ซึ่งเกิดจากการคำนวณต้นทุนค่าเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าที่ผ่านมา โดยต้นทุนค่าเชื้อเพลิงหลักของค่าไฟฟ้าคือก๊าซธรรมชาติ ซึ่งราคามีความผันผวนอยู่ในระดับสูง เป็นผลมาจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน
และในช่วงนี้ เป็นช่วงฤดูหนาวของกลุ่มประเทศตะวันตก ทำให้ความต้องการก๊าซธรรมชาติเพิ่มสูงขึ้น ราคาในตลาดโลกจึงปรับตัวสูงขึ้นตาม ประกอบกับที่ผ่านมา ประเทศไทยอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านผู้รับสัมปทานผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย จึงทำให้การผลิตก๊าซธรรมชาติลดน้อยลง และจำเป็นต้องนำเข้าจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น แต่คาดว่าจะสามารถกลับมาผลิตในภาวะปกติได้ในช่วงเดือนเมษายน 2567
“ค่าไฟฟ้าที่ทาง กกพ. ปรับเพิ่มขึ้น อยู่ในส่วนของค่า Ft หรือค่าไฟฟ้าผันแปร ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนไปตามต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า หากย้อนดูค่า Ft ในอดีตก่อนเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครนจะพบว่า ค่า Ft ของไทยติดลบมาโดยตลอด จนกระทั่งเกิดสงคราม ซึ่งรัสเซียเป็นผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ของโลก"
เมื่อไม่สามารถส่งออกก๊าซธรรมชาติได้ ทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น จึงส่งผลกระทบต่อค่า Ft ที่ผ่านมากระทรวงพลังงาน ก็มีแผนปรับลดการใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า และเพิ่มพลังงานหมุนเวียนซึ่งเป็นพลังงานสะอาด
แต่ด้วยพลังงานหมุนเวียนยังมีต้นทุนที่ค่อนข้างสูง หากนำมาใช้มากเกินไปอาจจะยิ่งกระทบต่อค่าไฟฟ้ามากขึ้น และหลังจากที่ กกพ. ประกาศค่า Ft รอบเดือนมกราคม - เมษายน 2567 หลายฝ่ายก็กังวลถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นทั้งกับภาคประชาชนและภาคเอกชน
กระทรวงพลังงานจึงเตรียมหารือกับ กกพ. เพื่อให้พิจารณาการคำนวณค่า Ft ว่าจะมีส่วนใดบ้างที่สามารถปรับลดได้เพิ่มขึ้นบ้าง เบื้องต้นคาดว่าจะมีการปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้มีความเป็นธรรมมากขึ้น มีการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากแหล่งที่มีต้นทุนต่ำ
รวมทั้งจะหารือกับสำนักงบประมาณเพื่อของบกลางมาช่วยเหลือเพื่อลดค่าไฟฟ้าสำหรับกลุ่มเปราะบาง และการเพิ่มการใช้พลังงานสะอาด และรณรงค์การอนุรักษ์พลังงาน
"ขอยืนยันว่า กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามบริหารจัดการค่าไฟฟ้ามาโดยตลอด แต่ด้วยสถานการณ์ด้านราคาก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกที่อยู่ในระดับสูง ก็จะพยายามทางหาลดให้ได้ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะลดค่าไฟฟ้าให้เหลือได้ประมาณ 4.20 บาทต่อหน่วย"