นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงมาตรการดูแลราคาน้ำมันเบนซินตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 66 โดยเห็นชอบแนวทางการลดค่าครองชีพประชาชนตามที่กระทรวงพลังงานเสนอลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ในกลุ่มน้ำมันเบนซินเพื่อให้ราคาขายปลีกแก๊สโซฮอล์ 91 ลง 2.50 บาทต่อลิตร เป็นเวลา 3 เดือน ระหว่างวันที่ 7 พ.ย. 66–31 ม.ค. 67 ใกล้จะครบกำหนด
อย่างไรก็ดี กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกอย่างใกล้ชิด ซึ่งต้องยอมรับว่าราคาน้ำมันเบนซินขณะนี้มีราคาต่ำลงกว่าช่วงเดือนพ.ย. 66 ที่กระทรวงพลังงานนำเสนอมาตรการเข้าดูแลกลุ่มผู้ใช้น้ำมันเบนซิน ดังนั้น จึงต้องขอดูก่อนว่าจะพิจารณาลดราคาต่อไปหรือไม่
“ราคาตอนนี้ต่ำกว่าช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา แต่ยืนยันว่ากระทวงพลังงานจะดูแลราคาพลังงานไม่ให้สูงเกินไป และเป็นภาระต่อประชาชน โดยจะต้องดูฐานะการคลังและฐานะทางการเงินของกองทุนน้ำมันฯ ร่วมด้วย ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในกรอบขีดความสามารถของกองทุนน้ำมันฯ”
สำหรับมาตรการลดราคากลุ่มน้ำมันเบนซินได้ใช้กลไกลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซิน 1 บาทต่อลิตร จากกระทรวงการคลัง ร่วมกับใช้เงินของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) อุดหนุนเพื่อทำให้ราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินลดลงรวม 2.50 บาทต่อลิตร ประกอบด้วย โดยราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล 91 ลดลง 2.50 บาทต่อลิตร, ราคาน้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 ลดลง 1 บาทต่อลิตร ส่วน E20 และ85 ลดลง 80 สตางค์ต่อลิตร
นายพีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า การผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อเกษตรกรและชาวประมง เพื่อจัดหาน้ำมันราคาถูกให้กลุ่มเกษตรกรใช้ ในลักษณะคล้ายน้ำมันเขียวของชาวประมงนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างร่างกฏหมาย ซึ่งเมื่อต้นร่างเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะต้องดูว่าจะต้องปรับแก้ไขตรงไหนเพิ่มเติมอีก ส่วนราคาจะยังไม่กำหนด แต่ยืนยันว่าจะถูกกว่าราคาหน้าสถานีบริการน้ำมันทั่วไปแน่นอน
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า คาดว่าภายในสัปดาห์นี้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค จะมีการหารือถึงแนวโน้มราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินว่าจะมีการสนับสนุนราคาอย่างไร ซึ่งแนวโน้มคงไม่มีการอุดหนุนด้านการลดภาษีสรรพสามิตจากกระทรวงการคลังแล้ว ดังนั้น จึงจะเป็นหน้าที่ของกองทุนน้ำมันฯ เข้ามาดูแล
อย่างไรก็ตาม ตามนโยบายของนายพีระพันธุ์ ต้องการให้ราคาน้ำมันอยู่ในเกณฑ์ที่ประชาชนต้องไม่ได้รับผลกระทบ ดังนั้น หากกระทรวงการคลังไม่ร่วมมารตรการลดภาษีน้ำมันให้ครั้งนี้ การจะปรับขึ้นทันที 1 บาทต่อลิตร คงเป็นไปไม่ได้ เพราะจะกระทบต่อผู้ใช้น้ำมันทันที อย่างมากก็จะปรับขึ้นระดับ 50-80 สตางค์ต่อลิตร ซึ่งถือเป็นระดับที่สูงมาก กระทรวงพลังงานคงไม่ปรับราคาขึ้นขนาดนี้ทีเดียว
“ช่วง 3 เดือนนี้แม้ราคาเบนซินจะไม่ลง โดยช่วง 2 สัปดาห์นี้จะมีการปรับขึ้นราคาราว 30-50 สตางค์ต่อลิตร แต่ก็ยังถูกกว่าช่วงต้นเดือนพ.ย. 66 ถือเป็นช่วงที่นายพีระพันธุ์เสนอมาตรการลดราคาเพื่อช่วยเหลือผู้ใช้เบนซินให้ครอบคลุม ดังนั้น สัปดาห์นี้จะต้องมาดูแนวโน้มราคาน้ำมันตลาดโลกอีกครั้ง”
แหล่งข่าว กล่าวว่า ความคิดเห็นส่วนตัวมองว่ากระทรวงการคลังคงไม่ร่วมลดภาษีเบนซินในครั้งนี้ เพราะเชื่อว่ากองทุนน้ำมันฯ ยังสามารถบริหารจัดการได้ อีกทั้งในการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 67 ได้เห็นชอบลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 1 บาทต่อลิตร เป็นเวลา 3 เดือน ทำให้สูญเสียรายได้ประมาณ 6 พันล้านบาท จากเดิมที่เคยลดให้ 2.5 บาทต่อลิตร ซึ่งปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯ ใช้เงินเข้าอุดหนุนกลุ่มดีเซลระดับ 3-4 บาทต่อลิตร ส่วนเบนซินยังถือว่ามีเงินเข้าบัญชีอยู่บ้าง
ด้านฐานะกองทุนน้ำมันฯ วันที่ 21 ม.ค. 2566 ติดลบ 83,020 ล้านบาท แบ่งเป็น