นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า หากมองระยะยาวใกล้ถึงช่วงเวลาที่ประเทศไทยต้องปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าฐานในรอบ 4 ปี จากเดิมที่เรียกเก็บ 3.78 บาทต่อหน่วย โดยมีโอกาสปรับขึ้นราว 4 บาทต่อหน่วย
ทั้งนี้ เพื่อสะท้อนต้นทุนพลังงาน โดยแนวทางการปรับค่าไฟฟ้าฐานของไทยจะปรับทุก 4 ปี โดยนอกจากดูต้นทุนพลังงาน กกพ.จะพิจารณาจากการลงทุนของ 3 การไฟฟ้า ฯ ทีมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้สะท้อนตันทุน
อย่างไรก็ดี การปรับค่าไฟฟ้าฐานจะเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่จะต้องหามาตรการช่วยเหลือประชาชนอย่างไร
นายคมกฤช กล่าวต่อไปอีกว่า กกพ.เตรียมรับฟังความเห็นค่าไฟฟ้าผันแปรงวด เดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2567 ตั้งแต่วันที่ 8 - 22 มีนาคม โดยแบ่งออกเป็น 3 กรณี ประกอบด้วย
ขณะนี้ราคาก๊าซธรรมชาติเหลว หรือแอลเอ็นจี (LNG) ในตลาดโลกเริ่มลดลง เนื่องจากผู้ซื้อรายใหญ่ เช่น จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ มีปริมาณสำรองแอลเอ็นจีเพียงพอ ทำให้ตลาดโลกและเอเชียลดลงต่อเนื่อง ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้าในรอบ 2 ของปีต่ำกว่ารอบแรก
จึงถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการคืนภาระหนี้คงค้างกับกฟผ.เพื่อเสริมสภาพคล่องและรักษาความมั่นคงพลังงานในระยะยาว แต่หากราคาพลังงานในตลาดโลกทั้งราคาก๊าซฯ และและปริมาณก๊าซฯในอ่าวไทยไม่นิ่ง ซึ่งเป็นปัจจัยที่นำมาคำนวนต้นทุนค่าไฟฟ้า คงเป็นไปได้ยากที่จะเห็นค่าไฟฟ้าเหลือ 3 บาทต่อหน่วย
อย่างไรก็ตาม กกพ. ขอเตือนประชาชนผู้ใช้ไฟในช่วงหน้าร้อนประหยัดไฟ แม้ต้นทุนไฟฟ้าจะลดลง แต่หากใช้ไฟฟ้าปริมาณมากจะยิ่งดันให้ค่าไฟฟ้าต่อเดือนสูงขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศที่คาดว่าจะร้อนจัด จะทำให้ปริมาณการใช้ไฟฟ้าสูงขึ้นด้วย ขณะที่ต้นทุนพลังงานผันผวน
"หากไม่มีการประหยัดไฟฟ้าอาจทำให้ กกพ.จัดประชุมด่วนเพื่อพิจารณานำเข้าแอลเอ็นจีเพิ่มขึ้นด้วย รวมถึงการช่วยเหลือค่าไฟฟ้า ซึ่งกระทรวงพลังงาน จะพิจารณาอีกครั้งว่าจะหาแหล่งเงินใดที่จะเข้ามาช่วยเหลือค่าไฟฟ้าให้กลุ่มเปราะบางในช่วงหน้าร้อน"