นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ที่นักลงทุนกังวลต่อร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศฉบับใหม่ (PDP 2024) ว่าจะลดความสำคัญของโรงไฟฟ้าหลักฟอสซิลนั้น ในความเป็นจริงแล้ว ภาพรวมกิจกรรมการลงทุนในแผน PDP กระทรวงพลังงานเน้นให้เกิดการเลือกใช้เทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าที่สามารถรักษาระดับราคาค่าไฟฟ้าที่มีความเหมาะสมและมีเสถียรภาพในระยะยาว เนื่องจากค่าไฟฟ้าเป็นปัจจัยขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ
ทั้งนี้ แม้ว่าระดับค่าไฟฟ้าไม่ได้สูงขึ้น แต่ก็ไม่ได้ส่งผลให้กิจกรรมการลงทุนในภาคไฟฟ้าลดลงแต่อย่างใด เพราะมีการเพิ่มสัดส่วนการก่อสร้างระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนมีมูลค่าสูงกว่ากิจกรรมการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าฟอสซิล
ซึ่งมีข้อสนับสนุนจากข้อมูลการวิเคราะห์การลงทุนจากหน่วยงานด้านพลังงานในต่างประเทศที่ชี้ให้เห็นว่าการลงทุนจากพลังงานหมุนเวียนจะทำให้เกิดเม็ดเงินลงทุนสูงกว่าเชื้อเพลิงฟอสซิล
อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาตามแผน PDP ฉบับใหม่ ยังคงมีกิจกรรมการลงทุนในภาคไฟฟ้าตามแผน PDP อย่างต่อเนื่อง จากการลงทุนของโรงไฟฟ้าที่มีข้อผูกพันไว้แล้วและที่จะเปิดรับเพิ่มเติมตามแผนในช่วงก่อนปีพ.ศ. 2573 มากกว่า 650,000 ล้านบาท ประกอบด้วย
พลังงานหมุนเวียนประมาณ 13,300 MW คิดเป็นมูลค่าลงทุนประมาณ 525,000 ล้านบาท และการลงทุนโรงไฟฟ้าฟอสซิลประมาณ 5,300 MW คิดเป็นมูลค่าการลงทุนประมาณ 125,000 ล้านบาท
รวมทั้งการเข้ามาของ RE ที่มากขึ้นจะนำไปสู่โครงสร้างระบบไฟฟ้าแบบกระจายศูนย์และธุรกิจไฟฟ้ารูปแบบใหม่ที่จะต้องควบคู่ไปกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้สามารถรองรับได้ ซึ่งก็จะมีอีกแผนคือแผนสมาร์ทกริดที่จะมารองรับการเปลี่ยนผ่านนี้ โดยมีแผนงานที่คิดเป็นเงินลงทุนตลิดทั้งแผนอีกประมาณ กว่า 400,000 ล้านบาท
ซึ่งแผนดังกล่าวยังได้ตอบโจทย์เรื่องความมั่นคงทางด้านพลังงานของประเทศ การลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ และลดก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นไปตามทิศทางของโลกที่สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด ตามที่ประเทศไทยได้ประกาศเป้าหมายการลดคาร์บอนในระหว่างการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP26)