"OR" ยัน "สปป.ลาว" ยังมีศักยภาพทางธุรกิจ หลังเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ

29 ก.ค. 2567 | 02:54 น.
อัพเดตล่าสุด :29 ก.ค. 2567 | 02:56 น.

"OR" ยัน "สปป.ลาว" ยังมีศักยภาพทางธุรกิจ หลังเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ชี้ยังหารายได้จากการพัฒนาธุรกิจด้านส่งออกกาแฟกลับเข้ามาได้ เมื่อเทียบกับวิกฤตในประเทศอื่นบางประเทศอาจจะไม่สามารถทำรายได้ส่วนอื่นเข้ามาได้

นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยถึงกรณีการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจใน สปป.ลาว ว่า ในความคิดเห็นส่วนตัวมองว่าวิกฤตเศรษฐกิจใน สปป.ลาวอาจจะถูกมองว่าเป็นปัญหาใหญ่ เรื่องค่าเงินอ่อนค่า แต่โออาร์ยังสามารถหารายได้จากการพัฒนาธุรกิจด้านส่งออกกาแฟกลับเข้ามาได้ ซึ่งเทียบกับวิกฤตในประเทศอื่นบางประเทศอาจจะไม่สามารถทำรายได้ส่วนอื่นเข้ามาได้แบบนี้

ทั้งนี้ ในฐานะที่เคยทำเทรดดิ้งมาก่อน มองว่าแต่ละประเทศอาจจะมีปัจจัยแตกต่างกันในด้านต่าง ๆ แต่จุดสำคัญ การตัดสินใจลงทุน ต้องมองรอบด้าน 4-5 เรื่อง ทั้งศักยภาพของประเทศ ซึ่ง สปป.ลาวเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง แม้อาจจะไม่สูงเท่ากับกัมพูชาที่ OR ให้เป็นฐาน Global แห่งที่ 2

แต่ สปป.ลาวก็มีความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจที่ดีกับจีน ทำให้มีการขยายการลงทุนของจีนเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นโอกาสของโออาร์ด้วย

นอกจากนี้ ที่สำคัญใน สปป.ลาว OR ไม่มีคู่แข่งค้าน้ำมันที่เป็นทุนไทยรายอื่นเลย ส่วนคู่แข่งด้านพลังงานจากจีนก็คงไม่เข้ามาแข่ง เพราะกว่าจะขนส่งมาก็มีต้นทุนที่สูง ซึ่งการที่ธุรกิจของ OR อยู่ใน สปป.ลาวได้ยาวนานกว่า 20-30 ปี มีธุรกิจที่เป็นจุดแข็งที่ทำรายได้ต่อเนื่อง สิ่งสำคัญที่ตอนนี้คือ ทำอย่างไรที่ให้แบรนด์โออาร์เป็นแบรนด์ที่รัก (แบรนด์เลิฟ) ของคนลาว เพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต

"OR" ยัน "สปป.ลาว" ยังมีศีกยภาพทางธุรกิจ หลงเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ

นายสุชาติ ระมาศ ผู้อำนวยการใหญ่ OR กล่าวว่า ธุรกิจใน สปป.ลาว เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ OR ให้ความสำคัญ โดยจัดสรรงบประมาณลงทุนระยะ 5 ปี (ปี 2567-2571) สำหรับภาพรวมกลุ่มธุรกิจ Global 8,007 ล้านบาท คิดเป็น 12% ของงบฯลงทุนทั้งหมด สะท้อนถึงความมุ่งมั่นอย่างยั่งยืนในตลาดสากล

นายรชา อุทัยจันทร์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านธุรกิจต่างประเทศ OR กล่าวว่า สำหรับธุรกิจใน สปป.ลาว มุ่งเน้นการลงทุนโดยใช้โมเดลทั้งแบบบริษัทลงทุนและบริหารเอง (Company Own Company Operate : COCO) และมีดีลเลอร์ลงทุนและบริหาร (Dealer Own Dealer Operate : DODO) เพื่อสร้างการเติบโตให้ธุรกิจท้องถิ่นในสัดส่วนที่มากกว่า ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด OR SDG ช่วยชุมชนเติบโตในทุกมิติ ทั้งคนตัวเล็ก (Small : S) การพัฒนาต่อยอดธุรกิจ (Diversified : D) รวมถึงการทำธุรกิจที่คำนึงสิ่งแวดล้อม หรือ Green (G)
 

ทั้งนี้ สปป.ลาว เป็นประเทศที่มีศักยภาพและมีโอกาสเติบโตได้อีก OR จึงวางกลยุทธ์ดำเนินธุรกิจทั้งกลุ่ม Mobility ได้แก่ การจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการพีทีที สเตชั่น คลังเก็บผลิตภัณฑ์ ธุรกิจหล่อลื่นพีทีที ลูบริแคนทส์ (PTT Lubricants) และศูนย์บริการยานยนต์ฟิต ออโต้ (FIT Auto) และฟิต เอ็กซ์เพรส (FIT Express) รวมถึงการรุกตลาดพลังงานสะอาด ด้วยสถานีชาร์จอีวี สเตชั่น พลัส (EV Station PluZ) และกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ได้แก่ Cafe Amazon ร้านสะดวกซื้อ และร้านอาหารข้าวเปียกปู เป็นต้น

"ที่ OR ขยายเข้าไปลงทุนมีทั้งญี่ปุ่น มาเลเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ จีน โอมาน กัมพูชา และสปป.ลาว แต่ละประเทศมีปัจจัยที่ต่างกัน โดยโออาร์ใช้โมเดลที่ทำสำเร็จในไทยเป็นแม่แบบในการขยายธุรกิจสู่ต่างประเทศ"

"OR" ยัน "สปป.ลาว" ยังมีศีกยภาพทางธุรกิจ หลงเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ

นายรชา กล่าวอีกว่า ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นมีผลต่อค่าเงินกีบ และต้นทุนการผลิตสินค้า ร่วมกับปัจจัยอื่นทั้งค่าไฟฟ้า ค่าแรง ทำให้หลายบริษัทรวมถึงโออาร์มีการปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นเพื่อบรรเทาปัญหา ซึ่งจะทำให้กำลังซื้อชะลอตัวลงชั่วคราว แต่ในระยะยาวแล้ว สปป.ลาวยังเป็นจุดลงทุนที่มีศักยภาพ

“เหตุที่มองว่า ลาวคือ Strategic Location อีกแห่ง เพราะจีนเข้ามาลงทุนใน สปป.ลาวจำนวนมาก ทำให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ล่าสุดทางด่วนเวียงจันทน์ไปวังเวียงเสร็จแล้ว และกำลังมีการขยายมากขึ้น หรืออย่างที่ขยาย PTT Station ไปที่นาเตย ซึ่งเป็นพื้นที่เดียวกับจุดสิ้นสุดเส้นทางรถไฟลาวจะเข้าจีน ในบริเวณนั้นจะมีรถบรรทุกที่มารับส่งสินค้าจำนวนมาก

สำหรับแนวทางในระยะสั้นนั้น OR เพียงรักษาธุรกิจให้อยู่รอด (Maintain Survival) เพื่อรอจังหวะที่ สปป.ลาวจะฟื้นตัวกลับมา โดยสร้างการเติบโตรายได้จากธุรกิจแคชคาวที่มีอยู่ทั้ง PTT Station ร้านคาเฟ่อเมซอน 

ส่วนในระยะยาวต้องพัฒนาให้มากกว่า (Beyond) การทำเมล็ดกาแฟ ซึ่งโออาร์ได้เริ่มทำเรื่องคาร์บอนเครดิตกาแฟแล้ว

นายพีรเวท ณ ระนอง กรรมการผู้จัดการ PTT (Lao) Co., Ltd. หรือ PTTLAO กล่าวว่า ภาพรวมตลาดน้ำมันใน สปป.ลาว มีความต้องการใช้น้ำมันปีละ 140 ล้านลิตร PTTLAO ครองสัดส่วนอยู่ 20 ล้านลิตร ติดในกลุ่มท็อป 5 ร่วมกับแบรนด์อื่นทั้งหน่วยงานรัฐวิสาหกิจของ สปป.ลาว แบรนด์ท้องถิ่น และแบรนด์ต่างชาติอื่น โดยปีนี้คาดว่าการขายน้ำมันผ่านสถานีบริการน้ำมันพีทีที สเตชั่น และร้านคาเฟ่ อเมซอนที่ สปป.ลาวจะเติบโตขึ้น 4% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลให้รายได้จากการขายเติบโตขึ้น ตามปริมาณการขยายสาขาทั้งธุรกิจน้ำมันและนอนออยล์

ซึ่งวางแผนขยายสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ในปีนี้เป็น 63 แห่ง จาก 56 แห่ง จำนวนนี้เป็น COCO 17 แห่ง ที่เหลืออีก 39 แห่งเป็น DODO และมีแผนขยายเป็น 71 แห่งในปี 2573 เนื่องจาก สปป.ลาวเป็นตลาดที่มีศักยภาพ แม้จะมีประชากรเพียง 7.5 ล้านคน แต่การเข้ามาของทุนจีน ทำให้ตลาดนี้มีการใช้น้ำมันสูงขึ้น

อย่างไรก็ดี การขยายสถานีบริการจะทำควบคู่กับธุรกิจคลังน้ำมัน ซึ่งปัจจุบันกักเก็บได้ 7.8 ล้านลิตร มีความสามารถจะอยู่ได้นานถึง 10 วัน ธุรกิจดังกลาวนี้จะเน้นเรื่องการลงทุนเพื่อปรับปรุงคุณภาพมาตรฐานเหมือนเมืองไทย ต้องดูแลเพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับ สปป.ลาว ทำให้ไม่เกิดการขาดแคลน