นายโกมล บัวเกตุ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานได้ดำเนินการสนับสนุนเทคโนโลยีพลังงานในโครงการส่งเสริมพลังงานทดแทนในระบบเศรษฐกิจฐานราก องค์การบริหารส่วนตำบลครน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร
ซึ่งเป็นอีกโครงการที่ประสบปัญหาต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน เตานึ่งที่ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิง รวมถึงสถานที่ตากข้าวเกรียบที่ไม่ได้มาตรฐานดังกล่าว ผ่านกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อช่วยลดต้นทุนการใช้พลังงานแบบครบวงจร
โดยสนุบสนุนเตาชีวมวลประสิทธิภาพสูง ได้แก่ เตามณฑล 1 กระทะ จำนวน 2 ระบบ เตานึ่งก้อนเชื้อเห็ดและตู้อบ จำนวน 2 ระบบ ระบบอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 2x2 เมตร จำนวน 4 ระบบ ซึ่งคาดว่าจะสามารถลดใช้พลังงานได้ 2.520 Ktoe/ปี ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (CO₂) 16,924.64 กิโลกรัมต่อปี และเพิ่มรายได้ให้กับกลุ่มเป้าหมายอย่างน้อย 100,000 บาท/ปี
สำหรับพื้นที่ตำบลครน อ.สวี จ.ชุมพรนั้น เกษตรกรในพื้นที่ 90% ประกอบอาชีพปลูกพืชไร่ พืชสวน มีผลผลิตทางการเกษตรจำนวนมาก และมีพืชผลบางชนิดราคาตกต่ำ ส่งผลให้เกษตรกรมีหนี้สิน ทำให้มีการตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฟาร์มเห็ดปลอดสารพิษเพื่อสุขภาพ เพื่อร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์เกษตร โดยเน้นการผลิตที่มีคุณภาพ ถูกสุขลักษณะ มีการแปรรูปเห็ดเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้หลากหลาย เช่น ข้าวเกรียบ เห็ดสวรรค์ และผงเห็ด 5 สี เพื่อสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน
อย่างไรก็ตามการส่งเสริมให้ชุมชนได้ใช้พลังงานทดแทน เป็นอีกแนวทางที่กระทรวงพลังงาน ได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนเทคโนโลยีพลังงานที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และบริหารจัดการพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดต้นทุนการใช้พลังงานสร้างโอกาสในการแข่งขันเพิ่มรายได้ สร้างงาน ยกระดับการเรียนรู้ด้านพลังงานให้กับประชาชนในชุมชน และการมีผู้นำชุมชนที่เข้มแข็งก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้คนในชุมชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ ยังได้ส่งเสริมให้ทุกกระบวนการของการผลิต มีการใช้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดกับศูนย์เรียนรู้สมุนไพรไทยวัดน้ำตก หรือวัดคีรีวงก์ อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ซึ่งเป็นทั้งศูนย์สงเคราะห์ผู้ป่วยโรคมะเร็ง เบาหวาน และคลังความรู้สมุนไพรไทย ได้แก่ สนับสนุนการใช้ระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ ลดค่าใช้จ่ายของการสูบน้ำ
ส่วนการตากสมุนไพรก็ใช้โรงอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ในการตากและควบคุมคุณภาพสมุนไพรควบคู่กัน ด้านการปรุงยาได้สนับสนุนระบบเตามณฑล 2 กระทะ ซึ่งหลังจากใช้พลังงานทดแทนแล้ว วัดสามารถลดจ่ายค่าไฟจากเดิม 3-4 หมื่นบาทต่อเดือน เหลือจ่ายเพียงเดือนละ 1.5–2 หมื่นบาท ซึ่งนอกจากลดค่าใช้จ่ายแล้ว ยังสามารถผลิตยาที่มีคุณภาพ มีระยะเวลาการผลิตที่รวดเร็วขึ้น ส่งผลต่อการให้บริการประชาชนได้มากขึ้นด้วย
ศูนย์ฯ มีเครือข่ายในการปลูกสมุนไพร เงินที่ได้จากการทำบุญของชาวบ้านจะนำไปซื้อสมุนไพรของชาวบ้านที่ปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ ก่อนหน้าที่จะมีการใช้พลังงานจากโซลาร์เซลล์และบ่อบาดาล ต้องจ่ายค่าไฟแต่ละเดือน 38,000 – 40,000 บาท เพราะต้องใช้ในการบดยาและอบยา การเข้ามาสนับสนุนของสำนักงานพลังงานจังหวัด จึงเป็นเรื่องที่มีคุณประโยชน์อย่างมาก