"GPSC" เผย 9 เดือนปี 67 กำไรลดเหลือ 3.06 พันล้าน หลังค่าเงินบาทพ่นพิษ

09 พ.ย. 2567 | 01:19 น.

"GPSC" เผย 9 เดือนปี 67 กำไรลดเหลือ 3.06 พันล้าน หลังค่าเงินบาทพ่นพิษ ระบุผลประกอบการไตรมาส 3/67 มีรายได้ 2.09 หมื่นล้านบาท มีกำไรสุทธิ 770  ล้านบาท ลดลง 46% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/67

นายวรวัฒน์ พิทยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/67 บริษัทฯ มีรายได้ทั้งสิ้น 20,912 ล้านบาท

โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 770  ล้านบาท ลดลง 46% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/67 เนื่องจากไตรมาส 3 เป็นช่วงฤดูฝนทำให้ปริมาณการใช้ไฟฟ้าน้อยกว่าไตรมาส 2 ซึ่งเป็นฤดูร้อน ประกอบกับโรงไฟฟ้าผู้ผลิตอิสระ (IPP) หยุดซ่อมบำรุงตามแผน ค่าเงินบาทแข็งขึ้นในไตรมาส 3/2567 เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า ส่งผลให้การแปลงค่าลูกหนี้สัญญาเช่าทางการเงิน (อ้างอิงกับดอลลาร์สหรัฐฯ) ลดลง และเกิดขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนยังไม่เกิดขึ้นจริง 

สำหรับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าเพิ่มขึ้น จากโครงการโรงไฟฟ้าไซยะบุรี (XPCL) มีผลประกอบการดีขึ้นจากปริมาณการผลิตไฟฟ้าที่สูงขึ้นตามปริมาณน้ำที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นตามฤดูกาล แม้ว่ามีการหยุดการผลิตชั่วคราว 17 วัน สาเหตุจากความแตกต่างของระดับน้ำด้านเหนือและท้ายโรงไฟฟ้าลดน้อยลงอย่างมาก
 

ส่วนผลประกอบการงวด 9 เดือนของปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 3,063 ล้านบาท ลดลง 5% เมื่อเทียบกับงวด 9 เดือนในปี 2566  แม้ว่าผลการดำเนินงานหลักจะปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะโรงไฟฟ้า SPP ที่มีต้นทุนของก๊าซธรรมชาติและถ่านหินลดลงแม้ว่าค่า Ft ลดลง 

"GPSC"  เผย 9 เดือนปี 67 กำไรลดเหลือ 3.06 พันล้าน หลังค่าเงินบาทพ่นพิษ

รวมถึงปริมาณการขายไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น  โดยบริษัทฯ มีการรับรู้ผลการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 313 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงของลูกหนี้สัญญาเช่าทางการเงินของโรงไฟฟ้า เนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม แม้ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ต้องเผชิญปัจจัยลบที่ไม่สามารถควบคุมได้ ไม่ว่าจะเป็นอัตราแลกเปลี่ยน และภัยธรรมชาติ แต่บริษัทฯ ยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้เป็นอย่างดี เนื่องจากการเพิ่มประสิทธิภาพทั้งทางด้านภาคการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำรวมถึงการบริหารต้นทุนทางการเงินที่ยังแข็งแกร่ง เพื่อรองรับการเดินหน้าพัฒนาธุรกิจในระยะยาวตามแผนกลยุทธ์ 4S ได้แก่  S1 สร้างความแข็งแกร่งพร้อมขยายการให้บริการให้ธุรกิจหลัก (Strengthen and Expand the Core) 

,S2 การพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียน (Scale-Up Green Energy)  ,S3 การลงทุนด้านนวัตกรรมจากธุรกิจใหม่ (New S-curve) และ S4 บริการโซลูชั่นด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า (Shift to Customer-Centric Solutions) อย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมาย และตอบโจทย์ Net Zero Emissions ในปี 2603

สำหรับความก้าวหน้าการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศอินเดียของบริษัท อวาด้า เอนเนอร์ยี่ ไพรเวท จำกัด (Avaada Energy Private Limited) หรือ AEPL ที่ GPSC มีสัดส่วนถือหุ้น 42.93%  ที่ได้รับสัมปทานการผลิตไฟฟ้าจากหน่วยงานรัฐบาลของอินเดีย รวมกำลังการผลิตทั้งสิ้นประมาณ 17,350 เมกะวัตต์ ส่วนการพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งในไต้หวัน (CFXD) ปัจจุบันได้รับมอบงานจากผู้รับเหมา 95%