ย้อนไทม์ไลน์โครงการรับซื้อไฟฟ้าสีเขียวเฟส 2 ก่อนถูกสั่งเบรกกว่า 3,668 เมกฯ

27 ธ.ค. 2567 | 04:09 น.

ย้อนไทม์ไลน์โครงการรับซื้อไฟฟ้าสีเขียวเฟส 2 ก่อนถูกสั่งเบรกกว่า 3,668 เมกฯ ฐานเศรษฐกิจรวบรวมข้อมูลไว้ให้หมดแล้วที่นี่ ตั้งแต่เริ่มเปิดประมูล และรมว.พลังงานสั่งระงับ ก่อนกกพ.สวนคำสั่ง จนล่าสุด กพช. ให้ชะลอ

คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)ได้ประกาศเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FIT) ปี 2565-2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 (เพิ่มเติม) พ.ศ. 2567” หรือไฟฟ้าสีเขียวเฟส 2 รอบแรก เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2567 ซึ่งเป็นไปตามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 2567 ที่ผ่านมา

โดยกำหนดรับซื้อไฟฟ้าเฉพาะไฟฟ้าจากพลังงานลม ไม่เกิน 600 เมกะวัตต์ และไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (โซลาร์ฟาร์ม) ไม่เกิน 1,580 เมกะวัตต์ รวมเป็น 2,180 เมกะวัตต์  โดยจะเน้นให้สิทธิ์ผู้ที่ไม่ได้รับการคัดเลือกในโครงการไฟฟ้าสีเขียว เฟสแรก แต่ผ่านเกณฑ์ด้านเทคนิคขั้นต่ำ และได้รับการประเมินความพร้อมตามเกณฑ์คะแนนคุณภาพแล้ว ซึ่งมีทั้งสิ้น 198 ราย จะได้รับสิทธิ์ในการพิจารณาให้เข้าร่วมโครงการไฟฟ้าสีเขียวเฟส 2 นี้ก่อนเป็นอันดับแรก ส่วนอัตรารับซื้อไฟฟ้าพลังงานลมอยู่ที่ 3.1014 บาทต่อหน่วย และไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มอยู่ที่ 2.1679 บาทต่อหน่วย

สำหรับโครงการไฟฟ้าสีเขียวเฟส 2 รอบแรกนี้ เกิดขึ้นหลังจาก กกพ. เปิดรับซื้อไฟฟ้าสีเขียวเฟสแรก ไปเมื่อเดือน เม.ย. 2566 โดยมีเป้าหมายรับซื้อไฟฟ้า 5,203 เมกะวัตต์ แต่มีผู้ผ่านเข้าร่วมโครงการในเฟสแรกทั้งสิ้น 175 ราย ปริมาณไฟฟ้ารับซื้อรวม 4,852.26 เมกะวัตต์ แต่เนื่องจากยังมีผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการอีกจำนวนมาก ทาง กพช. ในสมัย นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จึงมีมติให้เปิดรับซื้อไฟฟ้าสีเขียวเฟส 2 โดยมีเป้าหมายรับซื้อ 3,668.5 เมกะวัตต์

ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหลังจากการเลือกตั้ง และนายพีระพันธุ์ เข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กระบวนการเปิดรับซื้อไฟฟ้าสีเขียวเฟส 2 ที่ยังคงดำเนินต่อไป โดย กบง. เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 2567 จึงได้กำหนดให้เปิดรับซื้อไฟฟ้าสีเขียวเฟส 2 รอบแรก จำนวน 2,180 เมกะวัตต์ ดังกล่าวก่อน จากนั้นจึงจะเปิดรับซื้อไฟฟ้าสีเขียวที่เหลืออีกประมาณเกือบ 1,500 เมกะวัตต์ ในรอบต่อไป แต่นายพีระพันธุ์ ได้สั่งการให้ระงับการรับซื้อไฟฟ้าสีเขียวเฟส 2 ดังกล่าวแล้ว

โดยนายพีระพันธุ์ ได้ลงนามในหนังสือราชการส่งถึงเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เรื่องให้ระงับการดำเนินการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติม สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงและขยะอุตสาหกรรม ในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) เป็นการชั่วคราว

สำหรับเนื้อหาระบุว่า ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มีข้อสอบถามเกี่ยวกับการดำเนินการรับซื้อไฟฟ้าจาก “พลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติม สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงและขยะอุตสาหกรรมในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT)” ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่ 2/2566 วันที่ 9 มี.ค. 2566 ปริมาณ 2,180 เมกะวัตต์  แบ่งเป็นปริมาณการรับซื้อไฟฟ้ารวมไม่เกิน 600 เมกะวัตต์ สำหรับพลังงานลม และไม่เกิน 1,580 เมกะวัตต์ สำหรับพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน ซึ่งเป็นการดำเนินการมาก่อนที่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนปัจจุบัน จะเข้ารับตำแหน่ง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) นั้น
 

จากข้อสอบถามของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ประกอบกับต่อมามีการโต้แย้งของบุคคลภายนอก สอดคล้องกับข้อสอบถามดังกล่าวในบางประเด็น อีกทั้ง น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญในกรณีดังกล่าวด้วย  นายพีระพันธุ์ จึงหารือกับเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งในเบื้องต้นเห็นควรระงับการดำเนินการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติมตามโครงการดังกล่าวไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าจะตรวจสอบข้อเท็จจิรงและข้อกฎหมายเสร็จสิ้น

ด้วยเหตุข้างต้น จึงขอให้สำนักงาน กกพ. ระงับการดำเนินการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติมดังกล่าวไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเสร็จสิ้น และให้ดำเนินการตามหนังสือดังกล่าวโดยด่วนที่สุด  

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2567 นายพูลพัฒน์​ ลีสมบัติไพบูลย์​ เลขาธิการ​สำนักงาน กกพ.​ ได้ลงนามในประกาศเรื่องรายชื่อผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าเพิ่มเติมที่ได้รับการคัดเลือก​ ตามระเบียบคณะกรรมการกำกับกิจการ​พลังงาน​ ว่าด้วยการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ​ Feed​-in​ Tariff​ (FiT)​ ปี ​2565​-2573​ สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง​ พ.ศ.2565​ (เพิ่มเติม)​ พ.ศ.2567​

ทั้งนี้คณะกรรมการกำกับ​กิจการ​พลังงาน​ ได้ประชุมเมื่อวันที่​ 16​ ธันวาคม​ 2567​ พิจารณา​เห็นชอบผลการคัดเลือกผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าเพิ่มเติมจำนวน​ 72​ ราย ปริมาณพลังไฟฟ้าที่เสนอขายรวม​ 2,145​.4​ เมกะวัตต์ แบ่งเป็น พลังงานลม​ จำนวน​ 8​ ราย​ รวม​ 565.40 เมกะวัตต์​ กำหนดจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์​ หรือ​ SCOD ตั้งแต่ปี​ 2571-2573 และพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน​ จำนวน​ 64​ ราย​ รวม​ 1,580​ เมกะวัตต์​ กำหนด​ SCOD​ ตั้งแต่​ 2569-2573

โดยมีการแบ่งออกเป็น​ 2​ กลุ่ม คือ​

กลุ่มที่ 1 ให้การไฟฟ้าคู่สัญญาแจ้งให้ผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าทราบและยอมรับเงื่อนไขการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภายใน 14 วันนับถัดจากวันที่ สำนักงาน กกพ.ประกาศรายชื่อผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าเพิ่มเติมที่ได้รับการคัดเลือกตามข้อ 10 ของประกาศคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เรื่อง ประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed - in  Tariff (FiT)  ปี 2565-2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 (เพิ่มเติม) พ.ศ. 2567

กลุ่มที่ 2 ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าที่มีรูปแบบการเชื่อมต่อสถานีไฟฟ้าเดียวกัน ตกลงรูปแบบการเชื่อมต่อระบบไฟฟ้าและค่าใช้จ่ายตามหลักการแบ่งปันสิ่งอำนวยความสะดวกร่วมกัน(Common Facilities Sharing) และยอมรับเงื่อนไขการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภายใน 60 วัน นับถัดจากวันที่ประกาศผลการคัดเลือก

สำหรับโครงการดังกล่าว กกพ.กําหนดกรอบระยะเวลาและกระบวนการเพื่อประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ภายใต้ประกาศ กกพ. เรื่อง รับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed – in Tariff (FiT) ปี 2565 – 2573 สําหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 (เพิ่มเติม) ตามมติ กกพ. ในการประชุมครั้งที่ 41/2567 (ครั้งที่ 926) เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2567

ภายใต้ประกาศดังกล่าว กกพ. ได้กําหนดเงื่อนไขโดยจะให้สิทธิ์กับกลุ่มผู้ที่เคยยื่นข้อเสนอผลิตไฟฟ้าประเภทพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินภายใต้โครงการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงาน หมุนเวียนในรูปแบบ Feed – in Tariff (FiT) ปี 2565 – 2573 สําหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 จํานวน 198 ราย สําหรับ 2,180 เมกะวัตต์

อย่างไรก็ดี ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) วันที่ 25 ธ.ค.67 มีมติให้ชะลอการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติม สำหรับกลุ่มที่ไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงและขยะอุตสาหกรรม ในรูปแบบ FiT ตามแผนการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดสำหรับปี 65 –73 ปริมาณรวม 3,668.5 เมกะวัตต์

ซึ่ง กพช. เห็นชอบไว้ เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 66 โดยเป็นการชะลอการลงนามสัญญากับ 3 การไฟฟ้าไว้ก่อนเป็นการชั่วคราว เพื่อดำเนินการตรวจสอบความถูกต้อง ทำให้มองว่าด้วยปัจจัยดังกล่าวเป็นผลให้ราคาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าในวันนี้ปรับตัวลดลง มากกว่าหุ้นกลุ่มอื่นๆ 

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของ "ฐานเศรษฐกิจ" เกี่ยวกับบริษัทที่รับผลกระทบจากการชะลอโครงการดังกล่าวพบว่า ประกอบด้วย 

  • บริษัท วินด์ ขอนแก่น 2 จำกัด จำนวน 90 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 2
  • บริษัท กันกุล วิน ดีเวลลอปเมนท์ 1 จำกัด จำนวน 41.60 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท ด่านขุนทด วินด์ ทู จำกัด จำนวน 89.70 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 2
  • บริษัท บำเหน็จณรงค์ วินด์ จำกัด จำนวน 89.70 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 2
  • บริษัท กันกุล วินด์ ดีเวลลอปเมนท์ 8 จำกัด จำนวน 90 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 2
  • บริษัท กันกุล วิน ดีเวลลอปเมนท์ 6 จำกัด จำนวน 90 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 2
  • บริษัท กันกุล วินด์ ดีเวลลอปเมนท์ 3 จำกัด จำนวน 62.40 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท สมาร์ท คลีน ซิสเท็ม 1 จำกัด จำนวน 12 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท โซลาริสท์ หนองยวง จำกัด จำนวน 87 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท บางกอกโซลาร์ พาวเวอร์ จำกัด จำนวน 8 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท โซลาริสท์ นาแก้ว จำกัด จำนวน 72 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท โซลาริสท์ บ้านเอื้อม จำกัด จำนวน 48 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท เฮลิออส 2 จำกัด จำนวน 61.40 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท เฮลิออส 1 จำกัด จำนวน 48.60 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท บางกอกโซลาร์ พาวเวอร์ จำกัด จำนวน 4 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท กันกุล วัน เอ็นเนอร์ยี 9 จำกัด จำนวน 19.40 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท ดับบลิวเอชเอ โซล่าร์ จำกัด จำนวน 8 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท กันกุล วัน เอ็นเนอร์ยี 5 จำกัด จำนวน 7.80 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท โซล่าร์ วิซิเบิล จำกัด จำนวน 8 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท โซล่าร์ วิซิเบิล จำกัด จำนวน 7 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท อี แอนด์ ที พลังงานหมุนเวียน จำกัด จำนวน 90 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) จำนวน 7.60 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) จำนวน 7.60 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท ไออาร์พีซี คลีน พาวเวอร์ จำกัด จำนวน 74.88 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท พิจิตรไบโอเพาเวอร์ จำกัด จำนวน 4 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท พิจิตรไบโอเพาเวอร์ จำกัด จำนวน 8 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท พิจิตรไบโอเพาเวอร์ จำกัด จำนวน 2 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท บีจี เอ็นเนอร์ยี่ โซลูชั่น จำกัด จำนวน 3 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท อัลเตอร์วิม จำกัด จำนวน 90 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท กันกุล วัน เอ็นเนอร์ยี 5 จำกัด จำนวน 7.80 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท โซล่าร์ วิซิเบิล จำกัด จำนวน 3 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท โซล่าร์ วิซิเบิล จำกัด จำนวน 6.20 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท โซล่าร์ วิซิเบิล จำกัด จำนวน 7 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท โซล่าร์ วิซิเบิล จำกัด จำนวน 4 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท บีจี เอ็นเนอร์ยี่ โซลูชั่น จำกัด จำนวน 5.30 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท โซลาริสท์ แม่ปุ จำกัด จำนวน 51 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท โซลาริสท์ น้ำพุ จำกัด จำนวน 90 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 2
  • บริษัท เฮลิออส 4 จำกัด จำนวน 8 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท อี แอนด์ ที พลังงานหมุนเวียน จำกัด จำนวน 44.50 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท เอ็กโก คลีนเทค จำกัด จำนวน 27 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 2
  • บริษัท โซล่าร์ วิซิเบิล จำกัด จำนวน 8 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท เอ็กโก คลีนเนอร์ยี่ จำกัด จำนวน 4.20 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) จำนวน 7.40 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) จำนวน 6.80 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) จำนวน 5.50 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) จำนวน 6.60 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) จำนวน 8 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท โซล่าร์ วิซิเบิล จำกัด จำนวน 5 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท โซล่าร์ วิซิเบิล จำกัด จำนวน 8 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท ทีเอสอี รูฟทอป จำกัด จำนวน 6 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) จำนวน 4.40 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท เอ็กโก คลีนเทค จำกัด จำนวน 21.60 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 2
  • บริษัท สมาร์ท คลีน ซิสเท็ม 2 จำกัด จำนวน 8 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท สมาร์ท คลีน ซิสเท็ม 2 จำกัด จำนวน 5.55 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท ทีเอสอี รูฟทอป จำกัด จำนวน 4 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท สมาร์ท คลีน ซิสเท็ม ๒ จำกัด จำนวน 13.20 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท ทีเอสอี รูฟทอป จำกัด จำนวน 8 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท อุบล เวลธ์ 1 จำกัด จำนวน 50 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท เอ็กโก คลีนเนอร์ยี่ จำกัด จำนวน 35 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท บีจี เอ็นเนอร์ยี่ โซลูชั่น จำกัด จำนวน 4.90 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท อุบล เวลธ์ 1 จำกัด จำนวน 40 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท อี แอนด์ ที พลังงานหมุนเวียน จำกัด จำนวน 28 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 2
  • บริษัท อี แอนด์ ที พลังงานหมุนเวียน จำกัด จำนวน 35 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท อี แอนด์ ที พลังงานหมุนเวียน จำกัด จำนวน 33 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท บ้านปู เน็กซ์ กรีน เอนเนอร์จี จำกัด จำนวน 6.60 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท สมาร์ท คลีน ซิสเท็ม 2 จำกัด จำนวน 12.37 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท โซล่าร์ วิซิเบิล จำกัด จำนวน 8 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท ราชบุรี เอ็นเนอร์ยี ฟาร์ม จำกัด จำนวน 65 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 2
  • บริษัท เจเจที เอ็นเนอร์ยี จำกัด จำนวน 80 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 2
  • บริษัท เมืองกาญจน์ เอ็นเนอร์ยี จำกัด จำนวน 52 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 2
  • บริษัท อี แอนด์ ที พลังงานหมุนเวียน จำกัด จำนวน 50 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1
  • บริษัท เอ็กโก คลีนเนอร์ยี่ จำกัด จำนวน 79.80 เมกะวัตต์ กลุ่มที่ 1

ส่วนไฟฟ้าสีเขียวเฟสแรก ได้เปิดรับซื้อไฟฟ้าไปแล้วเมื่อเดือน เม.ย. 2566 จำนวน 4,852.26 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นไฟฟ้าจากโซลาร์ฟาร์มรวมกับระบบกักเก็บพลังงาน 994.06 เมกะวัตต์ , ไฟฟ้าจากโซลาร์ฟาร์ม 2,368 เมกะวัตต์ ,ไฟฟ้าจาก๊าซชีวภาพ ไม่มีผู้ผ่านเกณฑ์ และไฟฟ้าพลังงานลม 1,490.20 เมกะวัตต์ จาก 22 โครงการ ซึ่งในส่วนของไฟฟ้าพลังงานลม มีผู้ขอยื่นฟ้องร้องต่อศาลปกครองกลาง ส่งผลให้ผู้ที่ได้รับการพิจารณาทั้ง 22 โครงการ ยังไม่สามารถผลิตไฟฟ้าเข้าระบบได้ และต้องรอผลพิจารณาตัดสินของศาลปกครองกลางให้เสร็จสิ้นก่อน