ครม.ดันไทยเป็นศูนย์กลางผลิตและแปรรูป "สับปะรด" ครบวงจร

11 เม.ย. 2566 | 08:05 น.
อัปเดตล่าสุด :11 เม.ย. 2566 | 08:10 น.

รัฐบาลเดินหน้าแผนพัฒนา "สับปะรด" พ.ศ. 2566 – 2570 หลังครม.ไฟเขียว ดันไทยเป็นศูนย์กลางผลิตและแปรรูปสับปะรดครบวงจร ทั้งการผลิต แปรรูป และสร้างคุณค่ามูลค่าทางเศรษฐกิจจากสับปะรดอย่างยั่งยืน

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบ ร่างแผนพัฒนาด้าน "สับปะรด" ปี 2566 – 2570 ตามที่คณะกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติเสนอ โดยให้ประเทศไทยศูนย์กลางระดับโลกในการผลิต แปรรูป และสร้างคุณค่ามูลค่าทางเศรษฐกิจจากสับปะรดอย่างยั่งยืน 

ตามแผนพัฒนาด้านสับปะรด มีแนวทางขับเคลื่อนภายใต้ 5 เรื่องสำคัญ ดังนี้

1.สนับสนุนและพัฒนาสับปะรดให้สามารถสร้างคุณค่าและมูลค่าทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้แก่เกษตรกร ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่อุปทาน

2.ส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาระบบการวิจัยและสายพันธุ์ การบริหารจัดการแปลง การบริหารจัดการดินและน้ำ การบริหารโซนนิ่งการเกษตร การจัดการระบบโลจิสติกส์ และการบริหารผลผลิตสับปะรด ให้มีความสมดุลทั้งอุปสงค์ อุปทานของระบบเศรษฐกิจ การเกษตรมูลค่าสูงและการบริโภค

3.เสริมสร้างขีดความสามารถและการบริหารจัดการภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนในห่วงโซ่อุปทาน เพื่อการเป็นศูนย์กลางการผลิต การแปรรูป และการตลาด

4.ส่งเสริม พัฒนาองค์ความรู้ คุณภาพชีวิตเกษตรกรและกลุ่มเกษตรกรให้เข้มแข็ง มีความมั่นคงในอาชีพ สามารถบริหารจัดการการเกษตรที่ยั่งยืนด้วยตนเองตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

5.ส่งเสริมการสร้างสรรค์วิชาการ เทคโนโลยี และนวัตกรรมการผลิตการแปรรูปและการตลาด 

 

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติครม.เรื่องแผนพัฒนาสับปะรด

สำหรับตัวชี้วัดของร่างแผนฉบับนี้ ประกอบด้วย 

1.พื้นที่ปลูกที่ได้รับการส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตจากนโยบายภาครัฐ จำนวน 1,000 ไร่ต่อปี 

2.ผลิตภาพการผลิตในอุตสาหกรรมแปรรูปสับปะรด เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10% ต่อปี 

3.มูลค่าการส่งออกสับปะรดและผลิตภัณฑ์สับปะรดเพิ่มขึ้น 1.5% ต่อปี (จากปี 2565 จำนวน 23,700 ล้านบาท) 

4.รายได้ของเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดเพิ่มขึ้น 5% ต่อปี (จากปี 2565 จำนวน 330,700 บาท)

 

ทีมโฆษกรัฐบาล แถลงมติครม. เรื่องแผนพัฒนาสับปะรด

สถานการณ์สับปะรดโรงงานล่าสุด

สถานการณ์สับปะรดโรงงานในปี 2566 คาดว่า มีการเก็บเกี่ยวผลผลิตรวม 1.65 ล้านตัน เนื้อที่เพาะปลูก 430,958 ไร่ ซึ่งลดลงจากปี 2565 เนื่องจากเกษตรกรได้ลดพื้นที่เพาะปลูกลง เพราะปัญหาต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้นจากราคาปุยและสารเคมีและปัญหาการขาดแคลนแรงงาน 

สำหรับผลผลิตสับปะรดในปี 2566 นี้ กว่า 72% ของผลผลิตทั้งหมด จะถูกนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อส่งออกไปต่างประเทศ และผลผลิต 28% ใช้เพื่อการบริโภคภายในประเทศ ข้อมูลการส่งออกสับปะรดปี 2565 ไทยส่งออกสับปะรดในรูปแบบผลิตภัณฑ์รวม 512,574 ตัน มูลค่า 23,869 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ประมาณ 12.14% 

โดยประเทศที่ไทยส่งออกสับปะรดกระป๋องมากที่สุด ได้แก่ สหรัฐอมริกา สหพันธรัฐรัสเซีย และสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ส่วนราคาที่เกษตรกรขายได้ในปี 2566 ช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ แบ่งเป็น 

1.สับปะรดที่ส่งเข้าโรงงาน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.14 บาท (เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่อยู่ที่กิโลกรัมละ 6.50 บาท) 

2.สับปะรดที่ใช้บริโภค เฉลี่ยกิโลกรัมละ 11.14 บาท (เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่อยู่ที่กิโลกรัมละ 10.06 บาท)