อบก.มอบประกาศเกียรติคุณ “หม้อแปลงเจริญชัย” ช่วยลดคาร์บอน 100 ล้านตันต่อปี
“อบก.” มอบประกาศเกียรติคุณ หม้อแปลงไฟฟ้า “เจริญชัย” นวัตกรรมคนไทย ช่วยผู้ประกอบการลดคาร์บอนได้ 100 ล้านตันต่อปี เทียบได้กับปลูกป่าในเมือง 105 ล้านไร่ ตอบโจทย์ไทย มุ่งสู่ Net Zero ของรัฐบาล
นายประจักษ์ กิตติรัตนวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด เผยว่า จากที่ประเทศไทยได้กำหนดเป้าหมายมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และได้กำหนดเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Emission ภายในปี ค.ศ. 2065 จากช่วงที่ผ่านปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate change) ของโลกมีความรุนแรงมากขึ้นทุกขณะ
ดังนั้นจะต้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาในทุกระดับ โดยที่ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับต่อสิ่งแวดล้อม ตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) ตลอดจนหามาตรการเพื่อเร่งแก้ไขปัญหา climate change ที่ต้องให้ทุกภาคส่วนเข้ามาส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา โดยส่วนหนึ่งที่สำคัญคือ การใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อปรับเปลี่ยนการผลิตของภาคอุตสาหกรรมและพฤติกรรมการบริโภค
ในส่วนของ บริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด ได้วิจัยและพัฒนาสร้างผลงานโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก (LESS) ประเภทด้านการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน ของหม้อแปลง Low Carbon ที่มีระบบบริหารจัดการพลังงานสิ้นเปลืองแบบเรียลไทม์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าภายในสถานประกอบการให้อยู่ในระดับการใช้พลังงานที่มีความเหมาะสม มีเสถียรภาพ และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ล่าสุด บริษัทฯได้รับมอบใบประกาศเกียรติคุณจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก. / TGO) จากสามารถพัฒนาหม้อแปลงไฟฟ้า Low Carbon ลดก๊าซเรือนกระจกได้ 69.746 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ถือเป็นนวัตกรรมไทย ของคนไทย และเป็นที่แรกของโลก ที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดคาร์บอนและมุ่งสู่ Net Zero Emission ตามนโยบายของรัฐบาลได้
โดยหม้อแปลงไฟฟ้า Low Carbon ของบริษัทสามารถตอบโจทย์ในการการลดคาร์บอนได้ถึง 100 ล้านตันต่อปี เหมือนปลูกป่าในเมือง 105,263,158 ไร่ที่ช่วย ดูดซับคาร์บอน ซึ่งนอกจาก อบก.จะมอบประกาศเกียรติคุณแล้ว วารสาร IEEE ยังได้ตีพิมพ์เผยแพร่นวัตกรรมหม้อแปลง Low Carbon ของบริษัทฯ ที่ตอบโจทย์ผู้ประกอบการที่จะช่วยพลิกโฉมประเทศสู่เศรษฐกิจสร้างคุณค่า เน้นการเติบโตที่สมดุล ยั่งยืน เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม สร้างพลวัตใหม่ให้กับเศรษฐกิ และจะเป็นประโยชน์ต่อภาคธุรกิจทุกขนาดของไทย