นายพีระพงศ์ กรินชัย รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า การที่ไทยได้เป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมเอเปค 2022 หรือ การประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation : APEC) ซึ่งมีผู้นำจากนานาประเทศใน 21 เขตเศรษฐกิจของโลกเดินทางเข้ามา เป็นโอกาสอันดีที่ไทยจะแสดงศักยภาพทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความยั่งยืนให้โลก ภายใต้แนวคิดหลักของเอเปค 2565 เปิดกว้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล (Open. Connect. Balance.) เพื่อเพิ่มโอกาสด้านการค้าการลงทุนที่เชื่อมโยงกันในทุกมิติ และสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยมีเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green- Economy Model -BCG) เป็นพื้นฐาน
“ซีพีเอฟ เป็นผู้นำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารชั้นนำของไทยและของโลก มุ่งมั่นพัฒนาอาหารคุณภาพปลอดภัย มีคุณค่าทางโภชนาการ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างยั่งยืน โดยมีกระบวนการบริหารจัดการองค์กรด้วย BCG และตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero) ในปี 2050 เพื่อร่วมขับเคลื่อนโลกสู่ความยั่งยืน บริษัทจึงมีความพร้อมอย่างยิ่งที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการโชว์ศักยภาพของประเทศไทยในงานระดับโลกนี้” นายพีระพงศ์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯ ชูแนวคิด Sustainable Kitchen of the World Towards Net-Zero ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน ผ่าน CPF Smart Process ประกอบด้วย SMART SOURCING SMART PRODUCTION และ SMART CONSUMPTION SMART SOURCING การจัดการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในส่วนของการจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน โดยปัจจุบัน ซีพีเอฟ ใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทั้ง 100% จากแหล่งผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและไม่มีการตัดไม้ทำลายป่า ช่วยปกป้องพื้นที่ป่าไม้ได้ถึง 2 ล้านไร่ และภายในปี 2030 วัตถุดิบหลักอื่นๆ ได้แก่ น้ำมันปาล์ม ถั่วเหลือง และมันสำปะหลัง จะมาจากแหล่งผลิตที่ไม่ตัดไม้ทำลายป่าทั้งหมดเช่นกัน โดยสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ทุกขั้นตอนตลอดกระบวนการ SMART PRODUCTION เป็นการจัดการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในส่วนของโรงงานอาหารสัตว์ ฟาร์ม และโรงงานแปรรูปอาหาร
โดยนำนวัตกรรมด้านการผลิตและด้านพลังงานมาใช้ ปัจจุบัน ซีพีเอฟ ใช้พลังงานหมุนเวียน ถึงร้อยละ 27 ของพลังงานทั้งหมด ซึ่งนับเป็น 1 ใน 5 องค์กรที่ดำเนินธุรกิจด้านอาหารที่มีการใช้พลังงานหมุนเวียนสูงที่สุดของไทย ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 680,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือเทียบได้กับการปลูกต้นไม้จำนวน 73 ล้านต้น หรือการลดปริมาณรถบนท้องถนน 150,000 คัน ส่วนพลังงานหมุนเวียนที่นำมาใช้ในกระบวนการผลิต ได้แก่
พลังงานชีวมวล (Biomass) พลังงานชีวภาพ (Biogas) และพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy) นอกจากนี้ ซีพีเอฟ ยังเป็นบริษัทแรกและบริษัทเดียวในประเทศไทยที่ประกาศเป้าหมาย การยกเลิกใช้ถ่านหิน 100% ในปี 2022
สำหรับ SMART CONSUMPTION เน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์เพื่อการบริโภคเป็นอีกหนึ่งมิติสำคัญของการผลิตและการบริโภคอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซีพีเอฟ ไม่เพียงแต่มุ่งมั่นผลิตอาหารที่ได้คุณภาพ มาตรฐานระดับโลก มีคุณค่าทางโภชนาการเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม โดยมีผลิตภัณฑ์ที่ติดฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์และฉลากลดโลกร้อนที่ได้รับการรับรองมากกว่า 790 รายการ ซึ่งนับเป็นจำนวนมากถึง 1 ใน 4 ของผลิตภัณฑ์คาร์บอนฟุตพรินท์ที่ได้รับการรับรองในประเทศไทย และตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการผลิต ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อมไม่ต่ำกว่า 40% ของผลิตภัณฑ์รวมทั้งหมดของบริษัท นอกจากนี้ ซีพีเอฟ ประกาศเป้าหมายการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน 100% Sustainable Packaging โดยบรรจุภัณฑ์ทั้งหมด สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ (Reusable), รีไซเคิล (Recycle) หรือย่อยสลายได้ (Compostable) ซึ่งปัจจุบันดำเนินการตามเป้าหมายไปแล้ว 99.9%
นอกจากกระบวนการผลิตอย่างยั่งยืนตลอดห่วงโซ่ ที่มุ่งเน้นการลด - เลี่ยงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว ซีพีเอฟ ยังดำเนินโครงการปลูกป่าเพื่อช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ เพิ่มพื้นที่สีเขียวในสถานประกอบการทั่วโลก รวมพื้นที่กว่า 10,900 ไร่ ช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 11,400 ตันต่อปี
“ซีพีเอฟ เป็นครัวของโลกที่มีส่วนสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางอาหารให้ทุกคน และยังมุ่งสร้างความมั่นคงทางสิ่งแวดล้อม ด้วยการมีส่วนร่วมรักษาสมดุลธรรมชาติป่าไม้ และปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ใช้คาร์บอนน้อยที่สุด และเราจะไม่หยุดพัฒนา พิถีพิถันในทุกขั้นตอน ด้วยความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนโลกใบนี้ไปสู่ Net-Zero เพื่อพรุ่งนี้ที่ดีกว่าอย่างยั่งยืน”