"เอ็กโก กรุ๊ป" ทุ่ม 3 หมื่นล้านรุกพลังงานหมุนเวียนปักหมุด 1,000 เมกฯ

07 มี.ค. 2566 | 01:37 น.
อัปเดตล่าสุด :07 มี.ค. 2566 | 01:37 น.

"เอ็กโก กรุ๊ป" ทุ่ม 3 หมื่นล้านรุกพลังงานหมุนเวียนปักหมุด 1,000 เมกะวัตต์ หลังปี 65 พลาดเป้าขยายกำลังผลิตเพิ่มตามที่ตั้งไว้ ทำได้จริงเพียง 500 เมกะวัตต์

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) (EGCO) หรือเอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า ปี 66 บริษัทได้ตั้งงบลงทุนไว้ที่ 3 หมื่นล้านบาทเพื่อใช้ลงทุนในการเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่ทั้งในและต่างประเทศประมาณ 1,000 เมกะวัตต์ (MW) 

ทั้งนี้ จะมุ่งเน้นพลังงานหมุนเวียนเป็นหลักและโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง หลังจากปี 2565 บริษัทพลาดเป้าในการขยายกำลังผลิตเพิ่มตามที่ตั้งไว้ 1,000 เมกะวัตต์ ซึ่งทำได้จริงเพียง 500 เมกะวัตต์

อย่างไรก็ดี บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อลงทุนถือหุ้นเพิ่มในโครงการ APEX รวมทั้งแสวงหาโอกาสเข้าไปลงทุนในบริษัทผู้พัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนเอกชนขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกาเช่นเดียวกับโครงการ APEX ที่ดำเนินธุรกิจด้วยการพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียน ตั้งแต่เริ่มโครงการ ก่อสร้างและผลิตเชิงพาณิชย์ แล้วขายโครงการโรงไฟฟ้าที่พัฒนาเหล่านั้นให้แก่นักลงทุนอื่น ซึ่งเป็นรูปแบบธุรกิจที่ EGCO ให้ความสนใจ

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาควบรวมหรือซื้อกิจการ (M&A) โรงไฟฟ้าในต่างประเทศ เน้นใน 8 ประเทศที่บริษัทมีฐานการผลิตอยู่แล้วซึ่ง EGCO ไม่มีแผนลงทุนในโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงอีกแล้ว 

ขณะเดียวกันยังก็มีแผนจะขายธุรกิจถ่านหินในอินโดนีเซียด้วย เพื่อให้บริษัทบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี ค.ศ. 2050

ส่วนการลงทุนโรงไฟฟ้าในประเทศไทย บริษัทได้ยื่นข้อเสนอในโครงการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนแบบ FiT จำนวน 5.2 พันเมกะวัตต์ของภาครัฐโดยผ่านการพิจารณาเบื้องต้นแล้ว 16 โครงการ ทั้งประเภทโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินและแบบร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (BESS) 

รวมกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นกว่า 300 เมกะวัตต์ คาดว่าคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะประกาศรายชื่อผู้ชนะโครงการภายในเดือนเมษายนนี้ 

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเอ็กโก โคเจนเนอเรชั่น ส่วนขยายกำลังผลิต 74 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในเดือนมกราคม 2567

นายเทพรัตน์ กล่าวอีกว่า บริษัทยังให้ความสำคัญด้านพลังงานทางเลือกอื่น เช่น ไฮโดรเจน รวมทั้งการขนส่งไฮโดรเจน และแอมโมเนีย ตลอดจนพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยลดคาร์บอน โดยอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ร่วมกับพันธมิตรต่างประเทศ แม้ว่าปัจจุบันต้นทุนการผลิตสูงกว่า ซึ่งเชื่อว่าพลังงานทางเลือกจะมีบทบาทเข้ามาทดแทนพลังงานที่ได้จากฟอสซิลได้