การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ส่งผลให้โลกของเรากำลังแปรปรวนอย่างหนัก เป็นต้นเหตุของภัยพิบัติทางธรรมชาติหลายรูปแบบ ทั้งยังทำให้เกิดปรากฎการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นซึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเช่นกัน
อย่างที่ ชายหาดฟลอริดา ตอนนี้เต็มไปด้วยปลาตาย และอากาศบริเวณชายฝั่งกำลังมีผลต่อ ดวงตา จมูก และลำคอของผู้คน ทั้งหมดนี้เป็นเพราะสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่เรียกว่า Red tide เป็นปัญหาที่รบกวนน้ำชายฝั่งอ่าวฟลอริดาเป็นระยะ ๆ เป็นเวลาหลายปี
Toxic red tide หรือ กระแสน้ำสีแดงที่เป็นพิษ เกิดจากสาหร่าย Karenia brevis กำลังบานสะพรั่ง เป็นสาหร่ายพิษที่มีต้นกำเนิดห่างจากชายฝั่งหลายสิบไมล์ สร้างสารพิษ Brevetoxins ส่งผลกับปลาและระบบประสาทสัตว์ทะเลชนิดอื่นๆ ทำให้สัตว์เหล่านั้นล้มตาย เเละคลื่นกำลังพัดสาหร่ายเหล่านี้เข้ามาใกล้ชายหาดขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลกับปลาและระบบประสาทสัตว์ทะเลชนิดอื่นๆ ทำให้ล้มตาย
คณะกรรมการอนุรักษ์ปลาและสัตว์ป่าฟลอริดาออกอัพเดตสถานะของสภาวะน้ำแดง ระบุว่า ในน้ำ 1 ลิตร มีสาหร่ายชนิดอยู่มากกว่า 100,000 เซลล์ ซึ่งเป็นอันตรายระดับปานกลาง
สารพิษจาก Brevetoxins มีแนวโน้มที่จะสะสมในสัตว์จำพวกหอย เช่น หอยเชลล์และหอยนางรม และหากบริโภคสารที่ปนเปื้อนเข้าไป อาจทำให้เกิดพิษต่อระบบประสาทได้ ดังนั้น การบริโภคที่ปนเปื้อนสามารถนำไปสู่อาการคลื่นไส้ อาเจียน ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด ปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาท และผดผื่น
แม้ว่าจะไม่ได้บริโภคหอยที่ปนเปื้อน แต่การอยู่ใกล้สาหร่ายที่มีความเข้มข้นสูงก็สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ได้ บางคนอาจรู้สึกระคายเคืองภายในไม่กี่นาทีหลังจากสัมผัสกับสารพิษ เนื่องจากลมและคลื่นพัดพาสารพิษไปในอากาศ อาการแสบตา จมูก และคอ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าผู้ที่มีปัญหาทางเดินหายใจเรื้อรัง เช่น หอบหืดหรือถุงลมโป่งพอง อาจมีปฏิกิริยาแย่ลง ผลกระทบเหล่านี้เห็นได้จากการบานสะพรั่งครั้งล่าสุด
จนถึงขนาดนี้ การควบคุมกระแสน้ำสีแดงในฟลอริดาไม่ใช่เรื่องง่าย ผลกระทบที่เป็นอันตรายของกระแสน้ำสีแดงเกิดจากสารพิษที่ปล่อยออกมาจากสิ่งมีชีวิต ไม่ใช่ฆ่าสิ่งมีชีวิตจากกระแสน้ำสีแดงเท่านั้น แต่ยังต้องกำจัดสารพิษออกจากน้ำ สิ่งนี้เป็นไปไม่ได้
ข้อมูล : cbsnews