นายพงษ์พันธุ์ อมรวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาพลังงานตลาดโลกว่า ขณะนี้สถานการณ์ราคาพลังงานเริ่มคลี่คลายลง โดยเฉพาะราคาก๊าซธรรมชาติเหลวตลาดจร(สปอตแอลเอ็นจี) ราคาซื้อขายเดือนมิถุนายนลดลงเหลือระดับ 9 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู
ขณะที่ช่วงปลายปีคาดว่าราคาจะอยู่ระดับใกล้เคียง เนื่องจากสต็อกแอลเอ็นจีทั่วโลกขึ้นไประดับ 60% ไม่เกิดภาวะขาดแคลนเหมือนช่วงภาวะสงครามในช่วงที่ผ่านมา จนทำให้ราคาเคยทำสถิติพุ่งสูงถึง 80 เหรียญฯ
ส่วนประเทศไทยซื้อได้ในราคา 40 เหรียญฯซึ่งถือเป็นระดับสูงเช่นกัน ดังนั้นน่าจะเป็นข่าวดีสำหรับค่าไฟของไทยงวดปลายปีให้ราคาถูกลง เพราะใช้เชื้อเพลิงแอลเอ็นจีผลิตไฟฟ้าค่อนข้างมาก
"ราคาสปอตแอลเอ็นจีที่ปตท.ซื้อได้เฉลี่ยไม่เกิน 15-20 เหรียญฯ ซึ่งระดับ 9 เหรียญฯถือเป็นสัญญาที่ดี แต่ยังต้องจับตาอย่างใกล้ชิด โดยปตท.ได้ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจำนวนหนึ่งแล้ว แต่ซื้อมากไม่ได้ เพราะคลังเก็บไม่เพียงพอ ต้องซื้อในระดับเหมาะสม"
นายพงษ์พันธุ์ กล่าวอีกว่า ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกล่าสุดอยู่ระดับ 75 เหรียญฯต่อบาร์เรล คาดว่าช่วงครึ่งปีหลังจะอยู่ระดับ 80 เหรียญฯ โดยราคาไม่หวือหวาสูงขึ้นอย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ เนื่องจากความกังวลเศรษฐโลกชะลอตัว และเศรษฐกิจจีนยังไม่หวือหวาหลังเปิดประเทศ
อย่างไรก็ดี หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ปตท. จะเดินหน้าจัดหาพลังงานทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเหลวจากหลากหลายภูมิภาคทั่วโลก เพื่อรองรับความต้องการพลังงานของประเทศ รวมทั้งแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ อาทิ การเข้าสู่ตลาดคาร์บอน เครดิต เทรดดิ้ง และการค้าเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน เพื่อบรรลุเป้าหมายคาร์บอนเป็นศูนย์
นายนพดล ปิ่นสุภา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย ปตท. กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย ปตท. ได้แก่ ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น และธุรกิจน้ำมันและค้าปลีก มีผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/66 คิดเป็น 31% ของกำไรสุทธิของ ปตท. หรือ 8,748 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาจากวิกฤตราคาพลังงานจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย ได้จัดหาแอลเอ็นจีตลาดจรช่วงเวลาเร่งด่วน จัดหาและสำรองน้ำมันดิบ ปรับการผลิตไฟฟ้าด้วยน้ำมัน