รศ.ดร.ศิวฤทธิ์ พงศกรรังศิลป์ รักษาการแทนคณบดี สำนักวิชาการจัดการ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ (มวล.) โดยศูนย์ความเป็นเลิศด้านการจัดการธุรกิจท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการสถานประกอบการจากภาครัฐและเอกชน จำนวน 22 หน่วยงาน โดยเป็นเครือข่ายระดับประเทศ 10 หน่วยงาน และระดับจังหวัดอีก 12 หน่วยงาน
ทั้งนี้ เพื่อขับเคลื่อนจังหวัดกระบี่เป็นเมืองท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Krabi Carbon Neutral Tourism 2040) เป็นจังหวัดแรกของประเทศไทย ภายในปี พ.ศ.2583
ผศ.ดร.พิมพ์ลภัส พงศกรรังศิลป์ หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศด้านการจัดการธุรกิจท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ สำนักวิชาการจัดการ มวล. กล่าวว่า ความร่วมมือดังกล่าว องค์กรพันธมิตรได้ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ว่าเป็นปัญหาสำคัญระดับโลกและมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประชาคมโลก
รวมทั้งประเทศไทย โดยภาคการท่องเที่ยวมีสัดส่วนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ คิดเป็น 8% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดของโลก
สำหรับกิจกรรมการท่องเที่ยวและที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดคือ การเดินทางและขนส่ง ที่พัก อาหารและการซื้อสินค้า ดังนั้น เพื่อบรรเทาผลกระทบด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากภาคการ ท่องเที่ยว ผู้เกี่ยวข้องจึงควรมีส่วนร่วม รับผิดชอบโดยการวางแผนการดำเนินงานลด (Reduce) และชดเชย (Offset) คาร์บอนฟุตพริ้น
และร่วมกันพัฒนาองค์ความรู้ เพื่อผลักดันนโยบายทำให้การท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการจัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยการปรับปรุงการบริการด้านการขนส่ง ที่พัก อาหาร กิจกรรมและห่วงโซ่อุปทานอื่นๆ ที่มีส่วนปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ต่ำลง นำไปสู่การท่องเที่ยวอย่างสมดุลและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาค ท่องเที่ยว เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำและการ ท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนต่อไป
"นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่ มวล.จะได้ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรที่มีทั้งองค์ความรู้และประสบการณ์ในการผลักดันการลดการปล่อยคาร์บอนให้บรรลุได้ตามเป้าหมาย ซึ่งการสร้างเครือข่ายการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์จะเป็นส่วนหนึ่งในการเชื่อมโยงทรัพยากร เครื่องมือ และเทคนิควิธีการจากองค์กรระดับประเทศสู่การขับเคลื่อนจังหวัดกระบี่ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์"