ดร.ชนะ ภูมี นายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) และประธานกลุ่มอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ เปิดเผยว่า TCMA ได้ดำเนินการร่วมกับ 11 กลุ่มอุตสาหกรรม และผู้ประกอบกิจการภาคอุตสาหกรรม โดยการสนับสนุนของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)
ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตให้รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมมากขึ้น ด้วยการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุด และปริมาณของเสียที่ลดลงหรือเหลือทิ้งน้อยที่สุด สามารถสะท้อนถึงประสิทธิภาพของกระบวนการผลิตที่สูงขึ้น พร้อมทั้งช่วยลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนทรัพยากร ลดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม
โดยผู้ก่อกำเนิดของเสีย (Waste Generator) ต้องบริหารจัดการของเสียที่ต้นทางตามวัฏจักรชีวิตผลิตภัณฑ์ (Product Life Cycle) เพื่อใช้ทรัพยากรทุกประเภทอย่างคุ้มค่า ก่อนนำส่งไปกำจัดที่ปลายทาง
ซึ่งผู้ประกอบการจัดการของเสียต้องมีมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศสำหรับผู้ประกอบการจัดการของเสีย (Eco Factory for Waste Processor) คำนึงถึงการประกอบการที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม สอดคล้องตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
อย่างไรก็ดี อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์จะนำจุดแข็งของอุตสาหกรรมมาช่วยกันดำเนินการจัดการของเสียและร่วมดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ การเผาร่วมในเตาเผาปูนซีเมนต์ (Co-Processing of Waste Materials in Cement Kiln) เป็นการนำของเสียหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว มาเผากำจัดในเตาเผาปูนซีเมนต์ที่มีอุณหภูมิสูงถึง 1,450 องศาเซลเซียส จึงเป็นอีกวิธีการกำจัดของเสียแบบยั่งยืน ที่มีความปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
สอดคล้องกับหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนและการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมีส่วนช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ลดมลพิษ ลดความต้องการพื้นที่ฝังกลบ (Zero Landfill) และช่วยลดก๊าซเรือนกระจก (Zero Emission Concept) เช่น
นายชนะ กล่าวต่อไปอีกว่า TCMA จะสนับสนุนผู้ผลิตปูนซีเมนต์ช่วยกันส่งเสริมสังคม Circular Economy ด้วยการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการจัดการของเสีย และคู่ค้าธุรกิจได้รับการรับรองมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศสำหรับผู้ประกอบการจัดการของเสีย อย่างน้อยในระดับพื้นฐาน และส่งเสริมให้ผู้ก่อกำเนิดของเสียเลือกใช้บริการผู้ประกอบการจัดการของเสียที่ได้รับรองมาตรฐานฯ เพื่อส่งเสริมการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานการจัดการของเสียอย่างยั่งยืน
รวมทั้งบูรณาการเชื่อมโยงความร่วมมือร่วมขับเคลื่อนกับทุกภาคส่วนในการนำจุดแข็งของอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์มาสร้างระบบนิเวศน์ (Ecosystem) การจัดการของเสียอย่างยั่งยืน ด้วยวิธีการเผาร่วมในเตาเผาปูนซีเมนต์ ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยลดก๊าซเรือนกระจกได้ไม่น้อยกว่า 6.9 ล้านตัน-คาร์บอนไดออกไซด์ ในปี 2573