ทั้งนี้ “นายกรัฐมนตรีนาเรนทรา โมดี” แห่งอินเดีย ได้ให้ความสำคัญกับขนบธรรมเนียมวิถีชีวิตของอินเดียสู่แนวทางกลมกลืนกับธรรมชาติ และมีความพยายามอย่างสูงในการเพิ่มพลังงานสะอาด พลังงานทดแทน ประสิทธิภาพด้านพลังงาน รวมถึงการปลูกป่า และส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเฉพาะการส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน มีการกำหนดแผนอย่างชัดเจน คาดว่ากำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนของอินเดียจะเพิ่มขึ้นเป็น 85 % หรือราว 1,125 กิกะวัตต์ (GW) ของกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด 1,325 กิกะวัตต์ ภาย
ในปี พ.ศ.2590 จากปัจจุบันมีสัดส่วน 41% หรือราว 170 กิกะวัตต์ ของกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด 415 กิกะวัตต์ เพื่อขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี พ.ศ.2613 (ค.ศ.2070) จากปัจจุบันเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากจีน และสหรัฐอเมริกา
ล่าสุดอินเดียมีเป้าหมายเพิ่มปริมาณการใช้พลังงานสะอาดสูงถึง 500 กิกะวัตต์ ภายในปี พ.ศ.2573 ซึ่งมีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ 280 กิกะวัตต์ พร้อมตั้งเป้าผลิตพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน 50% เพื่อบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี พ.ศ.2613 (ค.ศ.2070) ถือเป็นการสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทั้งลดการปลดปล่อยคาร์บอน โดยเฉพาะการลดกำลังการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินและหันมาลงทุนกับพลังงานหมุนเวียนมากยิ่งขึ้น
ความพยายามของอินเดียในการก้าวขึ้นสู่การสร้างพลังงานสะอาด ถือว่าเป็นโอกาสสำหรับธุรกิจพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะ “GPSC” หรือ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือเป็นการขยับไปอีกขั้นท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่เร่งตัว เพื่อเป้าหมายการเป็นบริษัทนวัตกรรมผู้ผลิตไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุด 3 อันดับแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีส่วนสำคัญที่ช่วยสนับสนุน GPSC ก้าวสู่ผู้นำตลาดพลังงานหมุนเวียนของไทยอีกด้วย
ด้วยโครงสร้างประชากร ปริมาณการใช้ไฟฟ้าต่อหัวประมาณ 1.2 เมกะวัตต์ชั่วโมง เมื่อเทียบกับปริมาณเฉลี่ยของประชากรโลกที่ 3.4 เมกะวัตต์ชั่วโมง ตลาดอินเดียจึงมีส่วนสำคัญช่วยหนุนการเติบโตของ GPSC
นางรสยา เธียรวรรณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่พัฒนาธุรกิจ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้า กลุ่ม ปตท. กล่าวว่า การลงทุนในอินเดีย GRSC ถือหุ้น 100% ร่วมเป็นพันธมิตรกับ บริษัท อวาด้า เวนเจอร์ ไพรเวท จำกัด (Avaada Venture Private Limited) หรือ AVPL เพื่อลงทุนใน บริษัท อวาด้า เอนเนอร์ยี่ ไพรเวท จำกัด (Avaada Energy Private Limited) หรือ AEPL บริษัทในกลุ่มอวาด้า (Avaada Group) ผู้ดำเนินธุรกิจพลังงานหมุนเวียนชั้นนำในประเทศอินเดีย โดย GRSC เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 42.93% คิดเป็นเงินลงทุนมูลค่า 779 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่ปี 2564
AEPL เป็นบริษัทในอวาด้ากรุ๊ป (Avaada Group) ที่มีส่วนแบ่งตลาดพลังงานในอินเดียราว 10-15% หรือคิดเป็นกำลังผลิตที่ 7 กิกะวัตต์ และยังได้ขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจใน AEPL เพื่อให้ครอบคลุมธุรกิจระบบกักเก็บพลังงานแบบแบตเตอรี่ (BESS) ซึ่งปัจจุบัน AEPL มีการเติบโตโดยชนะประมูลโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในอินเดียอย่างต่อเนื่อง มีส่วนสำคัญต่อการขยายสัดส่วนกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนของ GPSC ให้ได้ตามเป้าหมายมากกว่า 50% ในปี พ.ศ.2573
“ในอนาคตหากยังสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดในอินเดียที่ 10-15% นี้ได้ และเป้าหมายของรัฐบาลอินเดียที่ตั้งเป้าว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานสะอาดที่ 50 กิกะวัตต์ต่อปี จนบรรลุเป้าหมาย 500 กิกะวัตต์ได้ในปี 2573 GPSC จะมีพลังงานสะอาดอย่างน้อย 5 กิกะวัตต์ต่อปีหรือ 5 พันเมกะวัตต์ต่อปี”
ความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างกลุ่มอวาด้า และ GPSC ถือเป็นความสำเร็จในการพัฒนาธุรกิจพลังงานสะอาด ที่สอดรับกับนโยบายของทั้งสองประเทศ ในการมุ่งสู่การพัฒนาพัฒนาพลังงานให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศและเกิดความยั่งยืน ซึ่ง บริษัท อวาด้า เอนเนอร์ยี่ ไพรเวท จำกัด (Avaada Energy Private Limited) หรือ AEPL ได้รับการสนับสนุนจาก GPSC ร่วมลงทุนด้วยมูลค่า 779 ล้านเหรียญสหรัฐตั้งแต่ปี 2564
Mr. Kishor Nair ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AEPL กล่าวว่า ในปี 2566 กลุ่มอวาด้าชนะการประมูลโครงการเสนอราคาการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์จากโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการผลิต PLI เพื่อผลิตแผ่นเวเฟอร์ โซลาร์เซลล์ และโมดูล พร้อมกันนี้ AEPL ยังมีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้นมากกว่า 7 กิกะวัตต์ (GW) รวมทั้งบริษัท Brookfield ได้เข้าร่วมลงทุนมูลค่ามากว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในกลุ่มอวาด้า เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจไฮโดรเจน/แอมโมเนียที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ความสำเร็จที่เกิดขึ้นเนื่องจากได้รับาการสนับสนุนจากนักลงทุนรายใหญ่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น GPSC , Brookfield
โครงการ Bikaner solar power project ตั้งอยู่ที่เมืองพิฆเนร์ รัฐราชสถาน ถือเป็นหนึ่งในโครงการที่ประสบความสำเร็จที่สุดกลุ่มอวาด้า หลังจากได้พัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบนำร่องที่ใหญ่ที่สุดในโลกขนาด 1.25 กิกะวัตต์ (GW) โดยใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและเม็ดเงินลงทุนมหาศาลกว่า 4,000 ล้านรูปีอินเดีย (หรือประมาณ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ด้านพลังงานแสงอาทิตย์ภายในอนุทวีปและภูมิภาค โดยคาดดว่าจะเพิ่มอีก 2 กิกะวัตต์ (GW) รวมทั้งหมด 3.25 กิกะวัตต์ (GW)
โครงการนี้ครอบคลุมพื้นที่ 5,000 เอเคอร์ มีอาณาเขตยาวประมาณ 99 กิโลเมตร ใช้โซลาร์โมดูล 3 ล้านชิ้น สายเคเบิลยาว 2,338 กิโลเมตร เหล็ก 30 ตัน โรบอททำความสะอาดแผงโซลาร์เซลล์ 2,000 ตัว ที่สำคัญคือ สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ถึง 2 ล้านตันต่อปี (MTPA)