"SENA" รุกบ้านพลังงานเป็นศูนย์-คอนโด Low Carbon ลดโลกร้อน

13 ก.ย. 2566 | 01:52 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ก.ย. 2566 | 01:52 น.

"SENA" รุกบ้านพลังงานเป็นศูนย์-คอนโด Low Carbon ลดโลกร้อน เพิ่มทางเลือกใหม่ให้กับผู้บริโภค หลังมิติด้านสิ่งแวดล้อมกำลังกลายเป็นเทรนด์ใหญ่ที่ทุกฝ่ายกำลังมุ่งเป้าหมายในการขับเคลื่อนไปสู่ความยั่งยืน

ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เปิดเผยว่า เสนา ได้ดำเนินการพัฒนาบ้านพลังงานเป็นศูนย์ และต่อยอดไปสู่คอนโด โลว์คาร์บอน โดยการนำแนวคิด THE ESSENTIAL LIFELONG TRUSTED PARTNER เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้กับผู้อยู่อาศัย 

ทั้งนี้ ปัจจุบันมิติด้านสิ่งแวดล้อมกำลังกลายเป็นเทรนด์ใหญ่ที่ทุกฝ่ายกำลังมุ่งเป้าหมายในการขับเคลื่อนไปสู่ความยั่งยืน ดังนั้นเสนาจึงมองว่าหากการอยู่บ้านเหมือนกับได้ปลูกต้นไม้ในทุกวัน ภาวะโลกร้อนหรือโลกเดือดคงจะลดลงและไม่เกิดขึ้นในระยะยาว

 

สำหรับการดำเนินการพัฒนาดังกล่าวนั้น มีจุดเริ่มต้นไอเดียมาจากบริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร๊อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป ที่ดำเนินโครงการบ้านพลังงานเป็นศูนย์ที่ญี่ปุ่น มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศของไทย โดยได้ร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทำการศึกษา วิจัย และพัฒนาแบบจำลองบ้านแนวคิดพลังงานเป็นศูนย์ เพื่อนำผลมาสู่การออกแบบ 3 ขั้นตอน ได้แก่ 

SENA รุกบ้านพลังงานเป็นศูนย์-คอนโด Low Carbon ลดโลกร้อน

  • Active Design คือ การออกแบบอาคารให้มีความยั่งยืนด้านการใช้พลังงาน โดยการนำเทคโนโลยี หรืออุปกรณ์ทันสมัยเข้ามาช่วยในการออกแบบ เช่น เซนเซอร์ควบคุมระบบไฟฟ้าและแสงสว่าง ,การใช้แอร์ประหยัดพลังงานฯ 
  • Passive design การออกแบบอาคารให้มีความสอดคล้องกับสิ่งแวดล้อม เช่น ทิศทางลม และแสงแดด เป็นต้น 
  • การมีระบบผลิตพลังงานใช้เองจากพลังงานหมุนเวียน เช่นการนำพลังงานจากแสงอาทิตย์ (Solar Cell) มาสร้างเป็นพลังงานไฟฟ้าเพื่อใช้ภายในบ้านให้สอดคล้องกับสภาพอากาศของเมืองไทย และการอยู่อาศัยภายในบ้าน ที่สามารถควบคุมอุณหภูมิภายในบ้านให้เหมาะสมแต่ละฤดูกาล ผสมผสานการใช้พลังงาน ที่ใช้ได้เองอย่างมีประสิทธิผล  

ผศ.ดร.เกษรา กล่าวอีกว่า การพัฒนาบ้าน ZEH ของเสนาด้วยองค์ประกอบดังกล่าวรวมกับการออกแบบอื่นจึงทำให้บ้านขนาด XL โครงการของเสนาสามารถลดใช้ไฟฟ้าสูงสุดได้ถึง 14% รวมกับการนำพลังงานสะอาดจาก Solar Cell มาใช้ซึ่งสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ประมาณ 360 หน่วยต่อเดือน โดยใช้ครึ่งเดียวที่ผลิตได้สามารถลดการใช้ไฟฟ้าสูงสุด 38% หรือลดค่าใช้จ่ายต่อเดือนประมาณ 1,627 บาท และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ถึง 163 ต้น

“ปัจจุบันอาจจะไม่สามารถทำให้บ้านพลังงานเป็นศูนย์ได้ทุกหลัง แต่นี่คือจุดมุ่งหมายในระยะยาวของบริษัทฯ”