คุณจ่ายค่าเสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้าไปเท่าไหร่? ถ้ามีใบเสร็จรับเงิน ก็สามารถคำนวณได้ ทั้งค่าใช้จ่ายชุดเดรส กางเกงยีนส์ เสื้อเชิ้ต และถุงเท้า แต่จะมีใครสังเกตเห็นบ้างว่า นั่นก็คือ "ต้นทุนต่อสิ่งแวดล้อม"
ภูเขาขยะเสื้อผ้าในทะเลทรายชิลี
ขยะเสื้อผ้ามหึมาถูกทิ้งร้างในทะเลทรายอาตากามา (Atacama) ทางตอนเหนือของประเทศชิลีทอดยาวจากมหาสมุทรแปซิฟิกไปจนถึงเทือกเขาแอนดีส ที่นี่เป็นทะเลทราย ที่แห้งแล้งที่สุดในโลก มีสภาพภูมิประเทศคล้ายกับพื้นผิวดาวอังคารมาก NASA ยังต้องมาทดทอบยานสำรวจดาวเคราะห์
ภูเขาขยะเสื้อผ้ามหึมในทะเลทรายชิลี เนื่องจากการผลิตเสื้อผ้ามีสไตล์ราคาไม่แพง หรือที่เรียกว่า "Fast Fashion" ต้องมาตายในทะเลทรายแห่งนี้ เป็นภาพที่แปลกประหลาด และน่าทึ่ง ซึ่งมีปริมาณเสื้อผ้าที่ถูกทิ้งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนใหญ่ถูกผลิตในจีน บังกลาเทศ ก่อนถูกส่งต่อไปยุโรป เอเชีย และสหรัฐฯ ส่วนชิลีคือปลายทางของเสื้อผ้าหลายล้านตันที่ถูกส่งเข้ามาทุกปี
ปีที่แล้วมีจำนวน 44 ล้านตัน ตามสถิติของศุลกากรชิลี เพราะชิลีเป็นที่ตั้งของท่าเรือปลอดภาษีที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของอเมริกาใต้ จึงกลายเป็นหนึ่งในผู้นำเข้าเสื้อผ้ามือสองรายใหญ่ที่สุดในโลก และ อิกิเก เมืองท่าก็เปลี่ยนไป เมื่อแฟชั่นรวดเร็วขยายตัว การนำเข้าก็ขยายตัวเช่นกัน
กานากลายเป็นแหล่งทิ้งขยะของฟาสต์แฟชั่น
กานา เองก็ไม่ต่างกลายเป็นหลุมมรณะเพราะขยะของฟาสต์แฟชั่น ประเทศกานานำเข้าเสื้อผ้ามือสองประมาณ 15 ล้านชิ้นในแต่ละสัปดาห์ หรือที่เรียกในท้องถิ่นว่า obroni wawu หรือ "เสื้อผ้าคนขาวที่ตายแล้ว" ในปี 2021 กานานำเข้าเสื้อผ้าใช้แล้วมูลค่า 214 ล้านเหรียญสหรัฐ (171 ล้านปอนด์) ทำให้เป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุดของโลก ตามข้อมูล oec.world
ขณะที่ตลาดคันตามันโต (Kantamanto) เมืองอักกรา ประเทศกานา ตลาดเสื้อผ้ามือสองที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีแผงขายเสื้อผ้านับพันแผง สามารถค้นหาสินค้าจากแบรนด์ฟาสแฟชั่นมากมาย แต่ 40% ของเสื้อผ้าถูกทิ้งเป็นขยะ บางส่วนถูกรวบรวมโดยบริการจัดการขยะ บางส่วนถูกเผา ที่เหลือถูกทิ้งในหลุมฝังกลบ สร้างมลพิษให้กับแหล่งน้ำของเมืองเป็นอย่างมาก กลายเป็นหนึ่งในแหล่งน้ำที่มีมลพิษมากที่สุดในโลก
เสื้อผ้ามือสองกำลังสร้างความกังวลใจให้บางประเทศ
ทั้งหมดนี้เป็นภาพสะท้อนว่าการผลิตเสื้อผ้ามากเกินไปโดยไม่จำเป็นเป็นสาเหตุสำคัญของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อีกทั้งยังสร้างความกังวลให้ประเทศกำลังพัฒนาเกี่ยวกับเสื้อผ้ามือสอง เพราะส่วนใหญ่มาจากประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร จีน และเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ จากนั้นจะถูกส่งไปทวีปแอฟริกาและเอชีย
แฟชั่นที่รวดเร็วและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ในมุมของธุรกิจ Fast Fashion ถูกใช้ครั้งแรกเมื่อต้นทศวรรษ 1990 เมื่อ Zara มาถึงนิวยอร์ก “Fast Fashion” ได้รับการประกาศเกียรติคุณจาก New York Times เพื่อบรรยายถึงพันธกิจของ Zara ที่จะใช้เวลาเพียง15 วันในการออกคอลเลคชั่นใหม่ เพราะการจะทำ Fast Fashion ได้สำเร็จความเร็วคือหัวใจสำคัญ
อุตสาหกรรมแฟชั่นที่รวดเร็ว หรือ Fast Fashion ความรักในเสื้อผ้าใหม่ และความกระหายในแฟชั่นล่าสุดทำให้ต้องแลกมาซึ่งความเสียหายต่อโลก เนื่องจากความจำเป็นในการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกลายเป็นเรื่องที่เร่งด่วนมากขึ้น จึงต้องเรียนรู้เกี่ยวกับผลกระทบที่เสื้อผ้าว่ามีต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร
การผลิตเสื้อผ้าใช้ทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมากและก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หลายคนอาจประหลาดใจว่า อุตสาหกรรมแฟชั่นมีปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกถึง 8-10% มากกว่าอุตสาหกรรมการบินและการขนส่งรวมกัน และยอดขายเสื้อผ้าทั่วโลกอาจเพิ่มขึ้นได้ถึง 65% ภายในปี 2573 ตามข้อมูลจาก ธนาคารโลก
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของแฟชั่นส่วนใหญ่มาจากการใช้วัตถุดิบ
ผลกระทบที่เป็นอันตรายของแฟชั่นที่รวดเร็วได้แพร่กระจายออกไป จึงมีเสียงเรียกร้องให้ใช้ทางเลือกที่มีจริยธรรมมากขึ้นในโลกแห่งแฟชั่นเช่นกัน แบรนด์ฟาสต์แฟชั่นต่างๆ ต้องเผชิญกับคำวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางถึงผลกระทบด้านลบที่อาจมีต่อสิ่งแวดล้อม
แพลตฟอร์มการขายต่อแฟชั่นอย่างรวดเร็วลดการปล่อยก๊าซเพียง 0.7% เท่านั้น
ผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดบางราย ได้แก่ H&M, Zara และ Shein เริ่มโครงการขายต่อโดยมีเป้าหมายให้มีความยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การใช้แพลตฟอร์มการขายต่อเป็นสินค้ามือสอง การทำโครงการสินค้ามือสองของแบรนด์ฟาสต์แฟชั่น ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก แต่ให้ผลประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด การศึกษาล่าสุดจาก
ผู้นำด้านการขายต่อแบรนด์สินค้าและบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลที่มุ่งเน้นไปที่ ESG ได้วิเคราะห์แล้ว พบว่า แพลตฟอร์มการขายต่อเป็นสินค้ามือสองลดการปล่อยก๊าซเพียง 0.7% เท่านั้น ในขณะที่ฟาสต์แฟชั่นสร้างคาร์บอนไดออกไซด์กว่า 11.5 กิโลกรัมต่อการผลิตสินค้า 1 ชิ้น ซึ่งตรงกันข้าม แบรนด์เครื่องแต่งกายระดับพรีเมียม
สิ่งนี้เกิดขึ้นในขณะที่บริษัทหลายแห่งกำลังเปิดตัวโครงการขายต่อ เพื่อดึงดูดผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นต่อความยั่งยืน ในแง่ข้อกำหนดการรายงาน ESG ที่กำลังจะมีขึ้นจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา
อุตสาหกรรมแฟชั่นเป็นอีกกุญแจสำคัญสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจ มีมูลค่าประมาณ 2.4 พันล้านดอลลาร์ทั่วโลก และมีพนักงานโดยตรง 75 ล้านคนตลอดห่วงโซ่คุณค่า โดยเป็นภาคการผลิตที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก รองจากอุตสาหกรรมยานยนต์และเทคโนโลยี สิ่งนี้ทำให้เกิดความท้าทายสำหรับผู้ผลิตเสื้อผ้าที่จะเติบโตโดยไม่ต้องเป็นศัตรูโลก ในขณะเดียวกันก็ต้องส่งเสริมการจ้างงานในภาคส่วนนี้ด้วย
ข้อมูล
Fast fashion is leaning into resale, but it may do little to reduce emissions, new study says