นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG เปิดเผยว่า ปี 2566-2568 เบทาโกรจะมุ่งเน้นและให้ความสำคัญใน 5 ยุทธศาสตร์สำคัญ ประกอบด้วย
- คุณภาพและความปลอดภัยด้านอาหาร (Food Quality and Safety) เบทาโกรมุ่งมั่นผลิตอาหารที่มีคุณภาพและความปลอดภัยขั้นสูงสุด โดย S-Pure เป็นแบรนด์แรกของไทยที่ได้ผ่านการรับรอง การเลี้ยงที่ไม่มียาปฏิชีวนะ (Raised Without Antibiotics – RWA) จาก NSF สหรัฐอเมริกา ทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ เนื้อไก่ เนื้อหมู และไข่ไก่ ทั้งนี้ เบทาโกรตั้งเป้าหมายลดการใช้ยาปฎิชีวนะต้านจุลชีพสำหรับสัตว์ลง 50% ภายในปี 2570 เมื่อเทียบกับปีฐาน 2564 ด้วยการใช้นวัตกรรมการเลี้ยงที่ทำให้สัตว์มีสุขภาพดี นอกจากนี้เบทาโกรยังได้สนับสนุนฟาร์มภายนอกบริษัทฯ ให้เกิดความตระหนักรู้ในการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างสมเหตุผล และสอดคล้องกับระเบียบข้อบังคับภายในประเทศ พร้อมทั้งได้ออกแบบระบบการติดตามปริมาณการใช้ยา และประเมินความเสี่ยงเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพ จำนวน 4 เชื้อตามข้อกำหนดของกรมปศุสัตว์ในผลิตภัณฑ์ของเบทาโกร เพื่อทำให้มั่นใจว่าผู้บริโภคจะได้รับอาหารที่มีความปลอดภัยขั้นสูงสุด ตลอดจนการริเริ่มโครงการศึกษาและการติดตามเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพ (AMR) เพื่อเพิ่มระดับความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค และสอดคล้องกับแผนยุทธ์ศาสตร์การจัดการเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพของประเทศไทยอีกด้วย
- การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน (Sustainable Packaging) โดยตระหนักและมุ่งมั่นสู่ 100% บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco – friendly packaging) ด้วยการออกแบบ ปรับปรุง และพัฒนาบรรจุภัณฑ์ (Re-design) เพื่อให้นำกลับมาใช้ซ้ำ (Reusable) หรือนำกลับมาใช้ใหม่ (Recyclable) หรือย่อยสลายได้ทางชีวภาพ (Compostable) รวมถึงลดการใช้ทรัพยากร (Reduce) เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและประโยชน์สูงสุดภายในปี 2573 ซึ่งปัจจุบันกว่า 97% บรรจุภัณฑ์ของบริษัทฯ มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- อาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการปฏิบัติงานเพื่อให้พนักงานมีคุณภาพชีวิตที่ดี (Occupational Health and Safety) โดยตระหนักเสมอว่าพนักงานทุกคนเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า เราจึงมุ่งมั่นที่จะดูแลพนักงานให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ภายใต้สถานที่ทำงานและกระบวนการทำงานที่ปลอดภัย บริษัทฯ จึงมีความพยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้จำนวนอุบัติเหตุลดลงจนเป็นศูนย์ ด้วยการนำเอา “การจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิต (Process Safety Management – PSM)” มาเป็นแนวทางในการพัฒนาระบบการจัดการชีวอนามัยและความปลอดภัยของเบทาโกร (BETAGRO Safety Framework) ในปี 2567 เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายอุบัติการณ์เป็นศูนย์ (Zero Incident) อีกด้วย
“ยุทธศาสตร์ทั้ง 5 ด้านดังกล่าวจะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมอาหารของประเทศไทย สร้างความเข้มแข็งและเติบโตทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม"