นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ ประเทศญี่ปุ่น กำลังดำเนินโครงการนำร่องติดฉลากลดก๊าซเรือนกระจกในสินค้าเกษตรกลุ่มผักและผลไม้สดเพื่อสื่อสารความพยายามลดก๊าซเรือนกระจกของเกษตรกรและผู้ผลิตไปยังผู้บริโภค
ทั้งนี้ คาดว่า ญี่ปุ่นจะใช้ระบบการติดฉลากลดก๊าซเรือนกระจกในสินค้าเกษตรอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนเมษายน 2567 รวมทั้งจะขยายกลุ่มสินค้าให้ครอบคลุมกลุ่มปศุสัตว์ ได้แก่ โคนม โคเนื้อ และสุกร ด้วย
สำหรับการติดฉลากลดก๊าซเรือนกระจกในสินค้าเกษตรกลุ่มผักและผลไม้สด ครอบคลุมสินค้า 23 รายการ ได้แก่ ข้าว มะเขือเทศ มะเขือเทศเชอร์รี่ แตงกวา มะเขือยาว ผักโขม ต้นหอม หัวหอม ผักกาดขาวปลี กะหล่ำปลี ผักกาดหอม หัวไชเท้า แครอท หน่อไม้ฝรั่ง แอปเปิ้ล ส้มแมนดาริน องุ่น ลูกแพร์ญี่ปุ่น ลูกพีช สตรอเบอร์รี่ มันฝรั่ง มันเทศ และชา
ปัจจุบันมีร้านค้าทั้งร้านค้าปลีกและร้านอาหารเข้าร่วมโครงการทั่วประเทศ จำนวน 271 แห่ง (ข้อมูล ณ กันยายน 2566)
โดยฉลากจะมีการแสดงสัญลักษณ์เป็นรูปดาว จำนวน 3 ดวง หากสามารถลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้ 5% จะได้ 1 ดาว ลดลงได้ 10% จะได้ 2 ดาว และลดลงได้ 20% หรือมากกว่า จะได้ 3 ดาว และยังมีการแจ้งรายละเอียดวิธีการลดก๊าซเรือนกระจก (อาทิ ลดการใช้ปุ๋ยเคมี ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ใช้พลังงานชีวมวล)
สำหรับฉลากดังกล่าวจะทำให้ผู้บริโภคมองเห็นภาพการลดก๊าซเรือนกระจกของสินค้าเกษตรและเป็นการสื่อสารความพยายามของเกษตรกรผู้ผลิตในการลดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมแบบเข้าใจง่าย รวมทั้งเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อผู้บริโภคในการเลือกซื้อสินค้าเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
อีกทั้งเตรียมดำเนินการในสินค้าโคเนื้อ โคนม และสุกร เพื่อขยายให้ครอบคลุมกลุ่มสินค้าปศุสัตว์ต่อไป โดยมีการรวบรวมข้อมูลและสรุปแนวทางการปฏิบัติที่เหมาะสมของโครงการนำร่องดังกล่าว และมีแผนจะนำระบบการติดฉลากลดก๊าซเรือนกระจกในสินค้าเกษตรไปใช้อย่างเป็นทางการในช่วงเดือนเมษายน 2567
นายพูนพงษ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ปัจจุบันตลาดคู่ค้าที่สำคัญของไทยกำลังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการบริโภคสินค้าเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ญี่ปุ่น ให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการลดก๊าซเรือนกระจก โดยมีร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการเป็นตลาดรองรับสินค้าที่มีฉลากลดก๊าซเรือนกระจกเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างความตระหนักต่อการเลือกซื้อสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น
ดังนั้น เกษตรกรและผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าเกษตรส่งออกสำคัญ จึงควรปรับปรุงการเพาะปลูกและกระบวนการผลิตให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยควรเริ่มเก็บข้อมูลการเพาะปลูกเพื่อคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและขอรับรองฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์เพื่อเป็นข้อมูลให้กับตลาดคู่ค้าที่ให้ความสำคัญและต้องการสินค้าเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
สำหรับปี 2566 ช่วง 9 เดือนแรก (มกราคม – กันยายน) ไทยส่งออกสินค้าไปญี่ปุ่น รวมมูลค่า 18,856.94 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (643,053.3 ล้านบาท) ขยายตัว 0.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยสินค้ากลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร มีมูลค่ารวม 3,685.79 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (125,765.4 ล้านบาท) หดตัว 7.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 20% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าไปญี่ปุ่นทั้งหมด
สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรส่งออกไปญี่ปุ่นที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1. ไก่แปรรูป มีมูลค่าส่งออก 1,023.78 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (34,937.0 ล้านบาท) 2. อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป 504.03 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (17,195.2 ล้านบาท) และ 3. ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง 321.88 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (10,987.9 ล้านบาท)
ส่วนสินค้าผักสด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง มีมูลค่าส่งรวม 70.12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (2,390.3 ล้านบาท) และผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง 17.20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (587.2 ล้านบาท)