นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมได้ร่วมกับ บีไอจี ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) เพื่อสร้างความร่วมมือในการวัดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมถึงแนวทางในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อนำไปสู่การบริหารจัดการการปล่อยก๊าซคาร์บอนของกรมสรรพสามิต นำไปสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero
สำหรับการลงนาม MOU ในครั้งนี้เป็น ความร่วมมือระหว่างกรมสรรพสามิต และ บีไอจี เพื่อร่วมมือกันวัดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอน และกำหนดแนวทางในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในพื้นที่กรมสรรพสามิต และสำนักงานสรรพสามิตภาคและพื้นที่ทั่วประเทศ
“ข้อมูลที่ได้จากการที่ทางบีไอจี จะช่วยทำให้ทราบถึงปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนของกรมสรรพสามิต รวมถึงแนวทางในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยช่วงแรกจะเริ่มดำเนินการในพื้นที่กรมสรรพสามิตก่อน จากนั้นจะมีการขยายไปยังภาคและพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศต่อไป”
นายเอกนิติ กล่าวเพิ่มเติมว่า การทราบข้อมูลปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอน จะช่วยให้กรมฯ ใช้เป็นข้อมูลที่จะนำมากำหนดกลยุทธ์เชิงรุก ตัวชี้วัดและแผนปฏิบัติการต่าง ๆของกรมฯ ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ของกรมสรรพสามิตทั่วประเทศ
“จากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนทั่วทั้งโลก กรมสรรพสามิตตระหนักและให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าว จึงเร่งผลักดันการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกมิติโดยมีการเดินหน้าในเรื่องนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ในการเปลี่ยนผ่านและขับเคลื่อนประเทศไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)“
ทั้งนี้ กรมได้ส่งเสริมมาตรการรถยนต์ไฟฟ้า EV 3.0 และ EV 3.5 พลาสติกชีวภาพ ภาษีคาร์บอน และอื่น ๆ เป็นต้น นอกเหนือจากบทบาทสำคัญของกรมฯในการขับเคลื่อนนโยบายและมาตรการเพื่อขับเคลื่อนประเทศไปสู่ Net Zero แล้ว ภายในองค์กรกรมฯ ได้มีการเดินหน้าและดำเนินการมาตรการต่าง ๆ รวมถึงส่งเสริมให้มีการลดการใช้ทรัพยากรหรือใช้ทรัพยากรอย่างเกิดประสิทธิภาพสูงสุดในทุกมิติ