“อว.” จับมือ 5 หน่วยงาน ดันเทคโนโลยีฉายรังสี ยกระดับอาหารภาคเหนือ

23 ส.ค. 2565 | 05:39 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ส.ค. 2565 | 12:44 น.

“อว.” จับมือ 5 หน่วยงาน เดินหน้ายกระดับอาหารพื้นถิ่นในภาคเหนือ สู่นวัตกรรมอาหารปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีการฉายรังสี เพิ่มโอกาสการตลาด ตั้งเป้าพัฒนาสินค้าส่งออกต่างประเทศ

  ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าว เปิดเผยภายหลังเป็นประธานใน “พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่อง การบูรณาการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนิวเคลียร์ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพด้านงานวิจัย พัฒนานวัตกรรมและการใช้ประโยชน์  ว่า การได้เห็น MOU ร่วมกันระหว่าง สทน.และ 3 มหาวิทยาลัยราชภัฏ มรภ. 3 แห่งภาคเหนือ โดยนำเอาเทคโนโลยีนิวเคลียร์ไปช่วยถนอมอาหารพื้นถิ่น เป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก เราทำ U2T for BCG ปีนี้เป็นปีที่ 2 จะดำเนินการ 3 เดือน ผ่านไปแล้วเดือนครึ่ง ได้จัด Hackathon มี 4 ทีม ที่ได้รางวัล เป็น มรภ. ได้รางวัลชนะ 2 ประเภท , มทร. ชนะ 1 ประเภท , ปัญญาภิวัฒน์ อีก 1 ประเภท แสดงว่าจะดูแคลน มรภ. มทร. และ ม.เอกชน ไม่ได้ มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกัน 

 

“อว.” จับมือ 5 หน่วยงาน ดันเทคโนโลยีฉายรังสี ยกระดับอาหารภาคเหนือ

“ผมได้กล่าวในที่ประชุม ทปอ. ว่า หลักสูตรของเราส่วนใหญ่ เอามาจากตำราต่างประเทศที่มองไม่เห็นจุดแข็งของคนไทย เราต้องดูว่าคนไทยเก่งเรื่องอะไร แล้วเปิดวิชาเรื่องที่คนไทยเก่ง ไม่ต้องไปลอกหลักสูตรจากชาติตะวันตกทั้งหมด มรภ./มทร. ต้องดูว่าเราอยู่ที่ไหน คนท้องที่เก่งเรื่องอะไร แล้วเราก็ไปสอนเรื่องนั้นๆ ให้เก่ง เพราะคนไทยมี DNA ที่เก่งในเรื่องสร้างสรรค์ เช่น รำโนราห์ หรือเดินแบบแฟชั่นได้แม้จะไม่เคยมีการสอนจริงจัง สรุปว่า อาจทำได้สองทางคือ เอาเทคโนโลยีนิวเคลียร์มาสอน และ เอาเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ มาทำให้ดี  เพื่อใช้ประโยชน์ เชื่อมโยง มรภ. กับหน่วยงานวิจัย ให้ทำงานร่วมกัน”
 

รศ.ดร.ธวัชชัย อ่อนจันทร์  ผู้อำนวยการ สทน. กล่าวว่า การยกระดับผลิตภัณฑ์อาหารพื้นถิ่น เพื่อให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในคุณภาพและมาตรฐาน ด้วย “เทคโนโลยีและนวัตกรรม” เป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญ พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงฯในวันนี้ จึงเกิดขึ้นเพื่อให้การฉายรังสีในอาหารเป็นที่ยอมรับและมีการใช้ประโยชน์แพร่หลายมากขึ้น โดยในปี 2564 - ก.ค. 2565 ที่ผ่านมา สทน. ได้ร่วมกับ 3 มหาวิทยาลัยราชภัฏ ในภาคกลาง และภาคใต้ ประกอบด้วย มรภ.พระนครศรีอยุธยา /มรภ.ธนบุรี/ มรภ.ราชนครินทร์ / มรภ.สุราษฎร์ธานี / มรภ.สงขลา /มรภ.ภูเก็ต ร่วมกันจัดฝึกอบรมให้ความรู้ ความเข้าใจ สร้างการยอมรับ โดยมีอาหารพื้นถิ่นที่ส่งเข้าร่วมโครงการฯ รวมทั้งสิ้น 301 ผลิตภัณฑ์  

 

“อว.” จับมือ 5 หน่วยงาน ดันเทคโนโลยีฉายรังสี ยกระดับอาหารภาคเหนือ


สำหรับการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้  เป็นการดำเนินงานในพื้นที่ “ภาคเหนือ” โดยมีจังหวัดเป้าหมาย คือเชียงใหม่ เชียงราย กำแพงเพชร โดยในส่วนของ สทน. กับ วช. และ มรภ.ทั้ง 3 แห่ง จะทำงานร่วมกันทั้งในเรื่องการจัดฝึกอบรมให้ความรู้  การสร้างการยอมรับเรื่องประโยชน์ของการฉายรังสีผลิตภัณฑ์  และอำนวยความสะดวกให้มีศูนย์ประสานงาน ในการส่งผลิตภัณฑ์เพื่อมาฉายรังสี มีการใช้พื้นที่และทรัพยากรต่างๆ ร่วมกัน เพื่อนำไปสู่การวิจัยและพัฒนาตัวสินค้า จนสามารถขยายไปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่จะนำไปจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปต่างประเทศ 
 

“อว.” จับมือ 5 หน่วยงาน ดันเทคโนโลยีฉายรังสี ยกระดับอาหารภาคเหนือ

“การยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยให้กับอาหารพื้นถิ่น ในแต่ละภูมิภาคของไทย ด้วยการฉายรังสี เป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของ สทน. โดยนอกเหนือจากความปลอดภัยในการบริโภคของคนไทยแล้ว สทน. ยังต้องการให้อาหารพื้นถิ่นของไทย เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภคต่างประเทศด้วย เพราะประเทศไทยของเรา ยังมีอาหารพื้นถิ่นที่น่าสนใจอีกมากมาย โอกาสนี้ จึงอยากขอเชิญชวนผู้ประกอบการอาหารพื้นถิ่นในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารแปรรูป สมัครเข้ามาร่วมโครงการฯ กับ สทน.ได้ ผมมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ท่านจะมีทางเลือก มีโอกาสในการทำตลาดเพิ่มมากขึ้น”