นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส เปิดเผยว่า สำหรับความร่วมมือครั้งนี้ เป็นการนำโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่สำคัญอย่างเทคโนโลยี AIS 5G, WiFi 6 และอื่นๆ เพื่อยกระดับการบริหารจัดการภายในท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง-พัทยา ณ อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 จูงใจภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศให้ขยายการลงทุนมาสู่พื้นที่ EEC สอดรับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการผลักดันให้สนามบินอู่ตะเภา เป็นท่าอากาศยานเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบแห่งที่ 3 ของกรุงเทพมหานคร ที่จะเชื่อมโยงการขนส่งผู้โดยสารและสินค้ากับสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ ตามโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC หนึ่งในแผนยุทธศาสตร์สำคัญภายใต้นโยบายThailand 4.0 อันจะเป็นการร่วมฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศไทยให้กลับมาแข็งแกร่งและยั่งยืน หลังจากเผชิญวิกฤตจากสภาวะการระบาดของโควิดในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้สำหรับบริการดิจิทัลที่ได้นำเข้าไปเสริมศักยภาพการบริหารจัดการภายในท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง-พัทยา แล้ว ประกอบด้วย
1) Smart Video Analytics Solution เสริมระบบบริหารจัดการอาคารผู้โดยสารด้วยเทคโนโลยีระบบวิเคราะห์และประมวลผลภาพวิดีโออัจฉริยะ 2) แอปพลิเคชัน Thailand Smart Airport อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสารด้วยข้อมูลด้านการบินและสนามบินหลากหลายในแอปพลิเคชันเดียว 3) เทคโนโลยี Thermal Scan ที่จะช่วยตรวจวัดอุณหภูมินักท่องเที่ยว และเชื่อมต่อสู่ระบบบริหารจัดการด้านความปลอดภัยของสนามบิน 4) หุ่นยนต์ ROBOT FOR CARE (ROC) หุ่นยนต์อัจฉริยะ ซึ่งช่วยคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิ ดูแลสุขอนามัยนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการสนามบิน
5) ติดตั้งเครือข่าย 5G ที่มีความรวดเร็วและมีความเสถียรสูง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการผู้โดยสารและประชาชนภายในสนามบิน 6) บริการ Wifi 6 มาตรฐาน WiFi ยุคใหม่ที่รองรับการใช้งานมือถือและดีไวซ์ได้จำนวนมาก
ด้านพลเรือโท กฤชพล เรียงเล็กจำนงค์ ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานอู่ตะเภา กล่าวเพิ่มเติมว่า “โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ถือเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานหลักสำคัญของ EEC ที่รัฐบาลให้ความสำคัญและสนับสนุนให้มีการลงทุนในด้านต่างๆ ที่ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการให้บริการสนามบินเชิงพาณิชย์ การพัฒนาอุตสาหกรรมต่อเนื่องด้านธุรกิจและอุตสาหกรรมการบิน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับสนามบินอู่ตะเภาเป็นสนามบินนานาชาติเชิงพาณิชย์หลัก แห่งที่ 3 ของกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ การท่าอากาศยานอู่ตะเภาฯ จึงได้ร่วมมือกับเอไอเอสตั้งแต่ปี 2561 นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามายกระดับการให้บริการและการบริหารอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ให้มีความทันสมัย เพิ่มขีดความสามารถด้านการรักษาความปลอดภัยและประสิทธิภาพการบริหารอาคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงของการฟื้นฟูประเทศจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยตอบสนองความต้องการของผู้โดยสาร เชื่อมโยงและสนับสนุนการเดินทาง การขนส่งทางอากาศ เพื่อยกระดับสู่อาคารผู้โดยสารอัจฉริยะ หรือ Smart Airport ของประเทศ”