เตือนอย่าหลงเชื่อข่าวปลอมสหรัฐยกเลิกบริจาควัคซีนไฟเซอร์

19 ส.ค. 2564 | 13:00 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ส.ค. 2564 | 20:06 น.

โฆษกดีอีเอสเตือนอย่าหลงเชื่อข่าวปลอมสหรัฐยกเลิกการบริจาควัคซีนไฟเซอร์ ให้กับประเทศไทย แจงขณะนี้ยังไม่มีข่าวเกี่ยวกับเรื่องการยกเลิกบริจาควัคซีนไฟเซอร์ จากทั้งรัฐบาลไทยและรัฐบาลสหรัฐฯ

นางสาวนพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส) กล่าวว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อออนไลน์ เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง สหรัฐยกเลิกการบริจาควัคซีนไฟเซอร์ ให้กับประเทศไทย ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

เตือนอย่าหลงเชื่อข่าวปลอมสหรัฐยกเลิกบริจาควัคซีนไฟเซอร์

กรณีการเผยแพร่ข้อมูลว่าสหรัฐยกเลิกการบริจาควัคซีนไฟเซอร์ ให้กับประเทศไทย เพราะไม่มีความกระตือรือร้นนั้น ทางกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศได้ตรวจสอบและชี้แจงว่า ขณะนี้ไม่ปรากฏข่าวเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวจากทั้งรัฐบาลไทยและรัฐบาลสหรัฐฯ ว่าเป็นข้อเท็จจริง โดยเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2564 โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงข่าวเรื่อง ผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของผู้แทนถาวรสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ ยืนยันการบริจาควัคซีนจากสหรัฐฯ ดังรายละเอียดปรากฏตามข้อ 3 ของข่าวสารนิเทศ ในเว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ https://bit.ly/3D1quc4 และเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2564 สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยได้เผยแพร่ถ้อยแถลงจากการประชุมระหว่างเอกอัครราชทูตลินดา โทมัส-กรีนฟิลด์ กับรองนายกรัฐมนตรี/รัฐมนตรีว่าการกระทรวง การต่างประเทศ กับเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติของไทย บนเว็บไซต์สถานเอกอัครราชทูตฯ ยืนยันการบริจาควัคซีนเพิ่มเติมให้ประเทศไทยดังรายละเอียดปรากฏในเว็บไซต์สถานเอกอัครราชทูตฯ https://bit.ly/37V9xlp

เตือนอย่าหลงเชื่อข่าวปลอมสหรัฐยกเลิกบริจาควัคซีนไฟเซอร์

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอความร่วมมือไม่ส่งต่อ หรือแชร์ข้อมูล จนกว่าจะตรวจสอบความถูกต้องให้ชัดเจนเสียก่อน เพื่อมิให้เกิดความสับสนและตื่นตระหนกในสังคม  ประชาชนสามารถรับข้อมูลข่าวสารจากกระทรวงการต่างประเทศ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.mfa.go.th หรือโทร 02 2035000 ซึ่งการกระทำของผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป

นอกจากนี้ หากพี่น้องประชาชนพบเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งผ่าน 4 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com ,เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter และช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง